แก้รายมาตราก็ได้ รื้อ'ม.68' พท.แก้ลำศาลรธน. | พระพุทธบาทดอทคอม

แก้รายมาตราก็ได้ รื้อ'ม.68' พท.แก้ลำศาลรธน.






นัดถกสส.16ก.ค. อ๋อยดันเดินหน้า ให้แก้ไขทั้งฉบับ เสื้อแดงปทุมฮือ แจ้งจับตุลาการ


แถลงข่าว- นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รก.หัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงข่าวกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นการมั่วนิ่ม ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และยังเพิ่มอำนาจให้ศาลรธน.ด้วย เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่โรงแรมโกลเด้นทิวลิป ถนนพระราม 9
เพื่อไทยแก้ลำ-ชงประเดิมแก้มาตรา 68 ให้ยื่นผ่านอัยการสูงสุดก่อน หวั่นหากเตรียมโหวตวาระ 3 อาจถูกร้องซ้ำจงใจล้มล้างการปกครอง นัดหารือส.ส. 16 ก.ค.นี้ 'จาตุรนต์'แถลงอัดศาลขวางแก้รธน.ให้เป็นประชาธิปไตย หนุนพท.เดินหน้าแก้ทั้งฉบับ จำกัดอำนาจศาลรธน. ปชป.ลั่นไม่ร่วมลงมติวาระ 3 อ้างผิดกฎหมาย กกต.แนะรัฐบาลเริ่มใหม่ตั้งแต่ทำประชามติ ถ้าฝืนอาจถูกส่งศาลรธน.ตีความอีก เรืองไกรถอนคำร้อง 317 ส.ส.-ส.ว.จากศาลรธน. เสื้อแดงปทุมฯแห่ขึ้นโรงพักแจ้งจับ 9 ตุลาการ ศาลนัดประชุมถอนประกัน'ก่อแก้ว'เหตุพฤติกรรมไม่เหมาะสม นปช.เชียงใหม่บุกไล่'จำลอง'ร่วมงานสัมมนาพธม.ภาคเหนือ



'อ๋อย'แถลงอัดศาลรธน.

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 14 ก.ค. ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป พระราม 9 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงถึงศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 8 เสียงว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 เป็นอำนาจของรัฐสภาและยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา 68 จึงไม่มีเหตุต้องให้วินิจฉัยเรื่องยุบพรรคและมีมติให้ยกคำร้องว่า หลายคนฟังแล้วแปลกใจ รู้สึกว่าสวนกระแส แต่สอดคล้องกับที่ตนแสดงความเห็นไว้ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งชะลอการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 แล้วว่านั่นเป็นการเริ่มต้นรัฐประหารโดยตุลาการภิวัตน์ และคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 13 ก.ค.เป็นการรัฐประหารโดยตุลาการภิวัตน์ เป็นการจัดการกับระบบหรือกติกา ไม่ใช่จัดการกับรัฐบาลโดยตรง



นายจาตุรนต์กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นผลผลิตของการปฏิวัติที่ร่างขึ้นโดยคณะรัฐประหาร ผ่านการทำประชามติที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และทำให้เกิดปัญหาเนื่องจากไม่เป็นประชาธิปไตย เกิดวิกฤตประเทศ จึงมีความพยายามแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย โดยมีกระบวนการที่จะให้ประชาชนเป็นคนแก้และให้ประชาชนตัดสินในขั้นตอนสุดท้ายคือการทำประชามติ แต่คำวินิจฉัยของศาลกลายเป็นการอ้างประชาชนมาขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะเนื้อหาของคำวินิจฉัยนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ฉวยโอกาสเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเอาเองตามอำเภอใจ ไม่เป็นเหตุเป็นผล ไม่มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญรองรับหรือเรียกว่ามั่วนิ่ม



นายจาตุรนต์กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญอาศัยความซับซ้อน สร้างความสับสน ทำเป็นขบวนการเพื่อขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และยังเพิ่มเครื่องมือจัดการกับฝ่ายที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ สร้างกรอบ ปิดโอกาส ปิดช่องทางการสร้างประชาธิปไตย จะทำให้ปัญหาที่มีอยู่พัฒนาไปในทางเลวร้ายขึ้นด้วย



หนุนแก้รธน.ทั้งฉบับ

'ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยอ้างประชาชนมาขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญที่จะทำโดยประชาชน ตัดสินโดยประชาชนจากการทำประชามติ อ้างอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญว่าเป็นของประชาชน ที่เห็นว่าควรให้ประชาชนลงประชามติก่อนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ ซึ่งเป็นการให้ความเห็นที่กลายเป็นคำวินิจฉัยและมีผลผูกพัน ทั้งที่คำวินิจฉัยนี้ไม่มีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญรองรับ เพราะในรัฐธรรมนูญไม่มีบทบัญญัติว่าการจะแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องลงประชามติก่อน ถือเป็นการปิดโอกาสในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปด้วย ปิดทางแก้ปัญหาความขัดแย้ง ไม่ส่งเสริมการแก้ความขัดแย้งโดยสันติวิธี' นายจาตุรนต์กล่าว



เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยควรเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร นายจาตุรนต์กล่าวว่า ประเทศมีรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิป ไตยและยังถูกแก้โดยศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยหนักเข้าไปอีก ดังนั้น สิ่งที่ประเทศควรได้รับคือการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ดังนั้น พรรคการเมืองต้องหาทางแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นประชาธิปไตยให้ได้ และในเนื้อหารัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยหลายเรื่อง ดังนั้น ไม่มีทางทำได้โดยแก้รายมาตราตามที่ศาลกึ่งแนะนำกึ่งวินิจฉัย ฉะนั้นต้องแก้ทั้งฉบับ จึงต้องมาดูว่าจะลงมติวาระ 3 และจัดให้ลงประชามติด้วย หรือจะทำประชามติก่อนแล้วค่อยลงมติวาระ 3 รวมทั้งต้องแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยการแก้ไขอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อให้อำนาจศาลรัฐธรรม นูญมีความชัดเจน เป็นไปตามหลักสากล ไม่ให้มาแทรกแซงหรือมีอำนาจเหนือฝ่ายนิติบัญญัติ อย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำ ไปแล้ว



เสนอยุบศาลรธน.

นายจาตุรนต์กล่าวว่า ส่วนการลงมติวาระ 3 อย่าเพิ่งรีบล้มเลิก ให้ค้างไว้ในสภาก่อนและหารือกันให้ดีว่าจะดำเนินการก่อนหรือหลังการทำประชามติ อย่างไรก็ตาม จะต้องช่วยกันคิดแก้รัฐธรรมนูญเพื่อจำกัดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ชัดเจนอยู่ในร่องในรอย เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีการวางหมากกลที่ซับซ้อนมาก ดังนั้น ต้องใช้ความรู้ สติ ปัญญา ช่วยกันคิดแก้ปัญหา ไม่ท้อถอย



เมื่อถามว่าคำวินิจฉัยจะทำให้เกิดวิกฤตมากขึ้น ศาลรัฐธรรมนูญต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างไร นายจาตุรนต์กล่าวว่า การถอดถอนที่ประชาชนยื่นอยู่นั้นมีผลได้ยาก เพราะต้องอาศัยเสียงส.ว.จำนวนมาก แต่ส.ว.ครึ่งหนึ่งมีส่วนเชื่อมโยงกับศาลรัฐธรรม นูญ ดังนั้น การถอดถอนจึงเป็นไปไม่ได้โดยระบบ จึงทำได้แค่การให้ความรู้ประชาชนเรื่องรัฐธรรมนูญ ตรรกะ ความเป็นเหตุผลและสามัญสำนึกมาวิจารณ์คำวินิจฉัยนี้ว่าจะสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้ประเทศอย่างไร



ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเสนอให้ยุบศาลรัฐธรรมนูญ นายจาตุรนต์กล่าวว่า 'ผมเคยพูดในที่ปราศรัยไปบ้าง ต้องมาศึกษากันดูว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ร้ายแรงขนาดไหน ขั้นต่ำสุดคือควรแก้รัฐธรรมนูญเพื่อจำกัดอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ หมายถึงถ้าจะแก้เพียงบางมาตราก่อน จากนั้นค่อยปรับเปลี่ยนที่มาองค์ประกอบ ถ้าปรับเปลี่ยนที่มาองค์ประกอบบางคนก็ใช้คำว่ายุบศาลรัฐธรรมนูญไป'



เรืองไกรถอนคำร้อง 317 ส.ส.-ส.ว.

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา ในฐานะผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยส.ส. ส.ว. 317 คน มีส่วนร่วมในกระบวน การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 หรือไม่ เปิดเผยว่า จากคำวินิจฉัยที่ออกมาแม้จะมีเนื้อหาในหลายส่วนขัดกันเองอยู่มาก แต่ในเมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องถือเป็นที่สิ้นสุดและมีผลผูกพันกับทุกองค์กรแล้ว ตนก็พร้อมถอนเรื่องดังกล่าวออกจากการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ตามข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญข้อที่ 23 เมื่อผู้ร้องเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา แม้ศาลยังไม่มีคำสั่งว่าจะจำหน่ายคดีหรือไม่ เพราะคำร้องดังกล่าวถือเป็นการร้องต่อเนื่องจาก 5 คำร้องเดิมและคำร้องเพิ่มเติมของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและพวก เพื่อให้ยุบทั้ง 6 พรรคที่มีส่วนร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ



นายเรืองไกรกล่าวว่า ในเมื่อศาลวินิจฉัยเช่นนั้นแล้วจะดึงดันทำไม จบก็คือจบ ส่วนกลุ่มพล.ต.จำลองจะเดินหน้าต่อไปก็เรื่องของเขา อย่างไรก็ตาม จากบรรทัดฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญวางไว้ ตนจะขอยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางที่ยกคำร้องกรณีการดำรงตำแหน่งของนายชัช ชลวร และนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่าถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบหรือไม่ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป



พท.ลั่นไม่ยอมรับคำวินิจฉัย

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคเพื่อไทยหารือโดยเห็นว่าการร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ผู้ร้องยังต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุด (อสส.) ก่อนส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มิเช่นนั้นอนาคตการพิจารณากฎหมายต่างๆ อาจวุ่นวาย หากฝ่ายตรงข้ามต้องการเตะถ่วงก็จะไปร้องค้านต่อศาล หากร้องสักพันเรื่องศาลรัฐธรรมนูญจะทำงานไหวหรือไม่ นอกจากนี้พรรคยังไม่เห็นด้วยที่ศาลเข้ามาพิจารณาในมาตรา 291 เพราะมาตราดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าต้องทำประชามติก่อนยกร่างรัฐธรรมนูญ อีกทั้งรัฐธรรมนูญปี ཮ ยกร่างเรียบร้อยแล้วจึงค่อยทำประชามติ ซึ่งสวนทางกับคำวินิจฉัยศาล

แจ้งจับ - นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ พร้อมบรรดาคนเสื้อแดงปทุมธานี เข้าแจ้งความกับพ.ต.อ.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผกก.สภ.คูคต ให้ดำเนินคดีกับ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหลายข้อหา เมื่อวันที่ 14 ก.ค.




นายจิรายุกล่าวว่า พรรคยังเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลมีความสับสน เพราะศาลไม่กล้าฟันธงโดยใช้คำว่าควรลงประชามติ ซึ่งคำว่า 'ควร' ต้องตีความตามกฎหมาย ไม่มีสภาพบังคับใช้ตามกฎหมาย ไม่แน่ใจว่าคำว่า 'ควร' จะต้องทำหรือไม่ทำ อย่างไรก็ตามพรรคพร้อมปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ส่วนความเห็นของศาลต้องรอการประชุมพรรคในวันที่ 16 ก.ค.ว่าจะมีทางออกอย่างไร ขณะนี้มี 3 ทางออกคือ 1.เดินหน้าลงมติร่างรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ต่อ 2.การทำประชามติก่อน 3.การแก้ไขเป็นรายมาตรา ซึ่งส.ส.หลายคนเห็นว่าหากจะแก้รายมาตรา ก็ควรแก้มาตรา 68 เป็นมาตราแรก ตนจะเสนอให้แก้เลยว่าการยื่นตามมาตราดังกล่าวต้องทำผ่าน อสส.เท่านั้น ไม่สามารถยื่นโดยตรงต่อศาลได้ ทุกอย่างจะได้ชัดเจน ซึ่งทางออกที่ดีสุดคือการแก้ไขเป็นรายมาตราโดยเฉพาะมาตราที่เกี่ยวกับองค์กรอิสระที่มีปัญหา ส่วนการเดินหน้าลงมติวาระ 3 ต่อไปคงไม่เหมาะ เพราะสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ปกติ ขณะที่การทำประชามติก็สิ้นเปลืองงบประมาณเกินไป



นัดส.ส.ถกหาทางออก

นายจิรายุกล่าวว่า คณะกรรมการของพรรคที่ติดตามคำวินิจฉัยศาลยังพบความผิดปกติในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ที่ดัชนีหุ้นตกลงไปเกือบ 20 จุด เพราะศาลอ่านคำวินิจฉัยเกือบเวลา 15.00 น. แต่พออ่านคำวินิจฉัยจบตลาดหุ้นดีดขึ้น 12 จุด ซึ่งพบว่ามีกลุ่มการเมืองบางกลุ่มไปช้อนซื้อหุ้นอสังหาริมทรัพย์และพลังงานในช่วงเวลาดังกล่าวจำนวนมากผ่านโบรกเกอร์ อาจมีการวางแผนปล่อยข่าวยุบพรรคแล้วมาช้อนซื้อหุ้น ขอให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบด้วย มีคนได้ประโยชน์จากการช้อนซื้อหุ้นในช่วงดังกล่าวหรือไม่ เพราะมีนอมินีนักการเมืองบางคนไปจดกระดานหลักทรัพย์และซื้อหุ้นล็อตใหญ่ในช่วงหุ้นตก



นายจิรายุกล่าวว่า วันที่ 17 ก.ค. สภาผู้แทนราษฎรโดยนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภา จะเรียกประชุมส.ส. 246 คนของพรรคเพื่อไทย เพื่อหารือแนวทางการดำเนินการอย่างไรกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โดยนำความเห็นจากที่ประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยในวันที่ 16 ก.ค.มาร่วมพิจารณาด้วย ขณะเดียวกันทราบว่าประธานวุฒิสภาจะเรียกประชุมส.ว.เพื่อหารือในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน



หวั่นถูกร้องซ้ำหากโหวตวาระ 3

นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากนี้คงต้องหารือต่อในสภาโดยเฉพาะประเด็นที่ 2 เรื่องการทำประชามติ ซึ่งทราบว่าโฆษกศาลรัฐธรรมนูญชี้แจงแล้วว่าไม่ใช่มติตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่เป็นคำแนะนำ เท่ากับว่าไม่มีผลผูกพันใดๆ จึงอยู่ที่การหารือกันในสภาว่าจะเลือกแนวทางไหนดำเนินการต่อ ตนมองว่าหากมีการตีความมาตรา 68 เช่นนี้ก็เหมือนเป็นการขยายอำนาจออกไปอีก เพราะหากมีการโหวตวาระ 3 เกิดขึ้นจะมีผู้ร้องเข้าไปร้องอีกจนได้ อาจมีผู้ไปตีความว่านั่นคือการพยายามทำให้เกิดตามที่เคยมีผู้ร้องร้องต่อศาลมาแล้ว เรื่องจะวนซ้ำกันอีกรอบหนึ่ง



นายพีรพันธุ์กล่าวว่า แนวทางดำเนินการมี 2 ทาง คือการทำประชามติ ซึ่งกฎหมายกำหนดระยะเวลาประมาณ 4-5 เดือนกว่าจะเสร็จ ขณะที่หากเลือกแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรานั้นคงออกมาในลักษณะเช่นเดิม เนื่องจากพรรคยืนยันมาตลอดการเสนอแก้ไขนั้นยกเว้นหมวด 2 ไว้ ไม่ได้แก้ไขทั้งฉบับ ซึ่งจะออกมาเป็นรัฐธรรม นูญฉบับปี 2550 แก้ไขเพิ่มเติม จะยุ่งยากเวลาใช้งานเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว จึงเสนอแก้ไขใหม่เพื่อใส่ปีพ.ศ.ใหม่ให้มีความชัดเจนมากขึ้นเท่านั้นเอง โดยจะมีการประชุมหารือในพรรคอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 16 ก.ค.นี้



นายพีรพันธุ์กล่าวว่า หากดุลพินิจของศาลเป็นอย่างนี้ ซึ่งไม่ใช่กฎหมาย แต่เป็นความเห็นในทางทฤษฎี ในอนาคตคงต้องแก้ไขมาตรา 68 ให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดการตีความลักษณะเช่นนี้



อนุสรณ์ชี้ศาลรธน.ทำสับสน

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า คำวินิจฉัยศุกร์ 13 น่าจะทำได้เพียงแค่ประการเดียวคือยกคำร้อง ไม่สามารถวินิจฉัยใส่ความเห็นในประเด็นอื่นเพราะประเด็นหลักของคดีนี้คือมาตรา 68 ไม่ใช่มาตรา 291 ศาลจึงไม่มีอำนาจไปก้าวล่วงว่ามาตรา 291 จะแก้ไขอย่างไร เพราะเท่ากับศาลได้สถาปนาระบอบการปกครองขึ้นมาใหม่ คือตุลาการธิปไตย หรืออำนาจอธิปไตย ใช้ได้เฉพาะตุลาการ เพื่อตุลาการ โดยตุลาการภิวัตน์ ฝ่ายนิติบัญญัติจะตรากฎหมายต้องขอคำวินิจฉัย ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินก่อนว่าจะทำอย่างไร จะทำได้หรือไม่



นายอนุสรณ์กล่าวว่า อนาคตข้างหน้าแค่มีคนป่วยแบบวันนี้ไปร้องทักท้วงเรื่องข้อกฎหมายเข้าอีก ฝ่ายนิติบัญญัติต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินก่อนทุกครั้ง รวมถึงการขัดกันของคำวินิจฉัยในแต่ละประเด็นที่ทำให้สังคมสับสน ตัดสินเสร็จไม่รู้อันไหนเป็นความเห็น อันไหนเป็นคำวินิจฉัยของศาล ซึ่งในอดีตพรรคเพื่อไทยเคยร้องศาลตามมาตรา 154 ศาลได้ปฏิเสธคำร้อง บอกว่ามาตรา 291 เป็นเรื่องเฉพาะที่สภาต้องดำเนินการ 3 วาระ ศาลไม่เข้าไปก้าวล่วง ดังนั้น มาตรา 291 กำหนดว่าเมื่อพ้น 15 วันหลังลงมติวาระ 2 ไปแล้ว สภามีหน้าที่ตามกฎหมาย ต้องเดินหน้าต่อยังวาระ 3 เพราะศาลบอกแค่ว่าทำไม่ได้แต่ไม่ได้บอกให้หยุดทำ



ท้าทำประชามติเลือกฉบับ 40-50

รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า ดังนั้น เมื่อศาลวินิจฉัยแล้วว่าคดีนี้ไม่ขัดมาตรา 68 รัฐสภาต้องเดินหน้าต่อวาระ 3 ตามที่มาตรา 291 กำหนดไว้ รัฐสภาจะนำความเห็นหรือข้อเสนอแนะนอกคำวินิจฉัยไปปฏิบัติไม่ได้ หรือกรณีศาลให้สภาไปตรากฎหมายที่เล็กกว่ารัฐธรรมนูญเพื่อทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญที่ใหญ่กว่าก็เป็นเรื่องแปลก จะให้ถามประชาชนว่าอะไร หรือจะให้เลือกระหว่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ทั้งฉบับ กับเลือกร่างใหม่ที่ยังไม่ทันได้ร่าง ประชาชนจะเลือกอย่างไร ในเมื่อตัวเลือกมันยังไม่มีให้เห็น



นายอนุสรณ์กล่าวว่า จึงขอถามฝ่ายตรง ข้ามดังๆ ว่า ถ้าอย่างนั้นไปทำประชามติเลยหรือไม่ว่าระหว่างรัฐธรรมนูญปี 2550 กับปี 2540 ประชาชนจะเลือกอะไร เพราะประชาชนได้เห็น ได้รับรู้ ได้ใช้กันมาหมดแล้ว อำมาตย์และประชาธิปัตย์จะกล้ารับคำท้าหรือไม่ จากนั้นต่างฝ่ายก็ต่างไปหาคะแนนเสียงสนับสนุนกันให้เต็มที่ตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อผลออกมาทุกฝ่ายต้องยอมรับ แบบนี้จะกล้ารับข้อเสนอหรือไม่ แต่มั่นใจฝ่ายนั้นไม่กล้ารับเพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางชนะประชาชนได้



'อภิสิทธิ์'แนะเลิกตีความ

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสรุปประเด็นที่เป็นข้อกฎหมายหลักๆ ไม่ว่าการร้องตามมาตรา 68 อยู่ในอำนาจของศาล และศาลชี้ด้วยว่าอนาคตหากมีการดำเนินการที่เสี่ยงต่อการเข้าข่ายก็ร้องได้ และศาลชี้ว่าการจะแก้รัฐธรรมนูญในลักษณะยกเลิกฉบับปัจจุบันทั้งฉบับทำไม่ได้ เว้นแต่ทำประชามติ เพราะประชามติเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน



นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นอกจากนั้นเป็นการยกคำร้องในส่วนที่ว่ามีการกระทำว่าล้มล้างหรือไม่ ซึ่งไม่มีเรื่องยุบพรรค ในเมื่อข้อกฎหมายที่ศาลชี้มาเป็นเช่นนี้ ตนคิดว่ารัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองควรทำให้ทุกอย่างเดินหน้าโดยไม่มีความขัดแย้งและขัดต่อกฎหมาย คิดว่านี่เป็นโจทย์มากกว่าจะมานั่งเถียงกันอีกว่าในทางเทคนิคจะหลบเลี่ยงหรือจะเดินหน้าโดยไปมีปัญหาภายหลังกันเพื่ออะไร เพราะเวลานี้ปัญหาบ้านเมืองก็มากอยู่แล้ว ศาลมีท่าทีออกมาซึ่งไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง แต่มีหลักกฎหมายที่ชัดเจน ทุกฝ่ายควรช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินหน้า หากแต่ละกลุ่มจะยึดความพอใจของตัวเองเป็นหลัก ปัญหาจะไม่จบ วันนี้เมื่อออกมาแบบนี้ ทุกคนควรเดินสายกลางให้บ้านเมืองเดินได้ 

ฮือไล่- กลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ชุมนุมปราศรัยขับไล่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่มาประชุมกลุ่มพันธมิตรภาคเหนือ 17 จังหวัดที่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด เมื่อวันที่ 14 ก.ค.




วุ่นแน่ถ้าฝืนลงมติวาระ 3

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่ารัฐบาลจะเดินหน้าลงมติในวาระ 3 อีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลน่าจะดูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญตามที่ศาลชี้ไว้ ทำอะไรให้สอดคล้องกัน หากจะเดินหน้าวาระ 3 จะเกิดข้อโต้แย้งขึ้นมาอีก ทำไมเราต้องสร้างปัญหาให้บ้านเมือง ทำไมไม่ตั้งหลักให้ประชาชนโล่งใจบ้าง ไม่ใช่ให้มานั่งลุ้นว่าจะเกิดความขัดแย้งอะไรอีก รัฐบาลควรตั้งหลักว่าอย่าให้เรื่องนี้เป็นความขัดแย้ง และความจริงตอนที่รัฐบาลแถลงนโยบายกับสภาแล้วถูกถามเรื่องนี้ รัฐบาลเคยพูดด้วยซ้ำว่าควรทำประชามติก่อนและหลัง เป็นคำพูดชี้แจงต่อสภาเอง ถ้าจำไม่ผิด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นคนพูด



เมื่อถามว่าถ้าประธานสภาจะเรียกส.ส. และส.ว.มาหารือกันว่าจะทำอย่างไรเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด จะดีกว่ารัฐบาลจะเป็นคนพิจารณาหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อะไรที่ดึงให้ทุกฝ่ายมาเห็นด้วยจะดีที่สุด วันนี้ไม่ต้องการเห็นความขัดแย้ง หากเราถือว่านี่เป็นเรื่องส่วนรวม ไม่ใช่ผลประโยชน์ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ควรหาจุดร่วมกันได้ แต่หากตั้งธงว่ามีความต้องการของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดและต้องทำให้ได้ ความขัดแย้งจะไม่จบ



ยันฝ่ายค้านไม่ร่วมสังฆกรรม

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิป) พรรคฝ่ายค้าน โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ระบุว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีความชัดเจนในตัวอยู่เเล้วว่าการเเก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่สามารถทําได้ หากไม่ผ่านการทําประชามติมาก่อน ซึ่งส่งผลให้ร่างเเก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับของรัฐบาลตกไป เพราะไม่ผ่านการทําประชามติมาก่อน ฉะนั้น หากยังจะนําร่างรัฐธรรมนูญไปลงมติในวาระ 3 ต่อไป ฝ่ายค้านจะไม่ร่วมลงมติด้วย เพราะเป็นการกระทําผิดกฎหมาย



นายจุรินทร์ระบุว่า รัฐบาลควรใช้โอกาส นี้ทํา 2 เรื่องเร่งด่วนคือ 1.ยุติการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง แตกแยกทางการเมืองโดยเร็ว ด้วยการระงับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไป กับการถอนร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติออกจากวาระของสภา 2.เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ว่าปัญหาเศรษฐกิจ ของแพง พืชผลราคาตกตํ่าหรือการป้องกันนํ้าท่วม ซึ่งเป็นภารกิจหลักที่แท้จริงของรัฐบาลและสําคัญเร่งด่วนกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ



ย้ำต้องทำประชามติ

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า คำวินิจฉัยของศาลทำให้คนไทยทั้งประเทศโล่งอกและสบายใจ คิดว่ารัฐบาลควรนำคำวินิจฉัยไปใช้ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ศาลยืนยันชัดเจนว่าการแก้รัฐธรรมนูญนั้นทำได้ตามมาตรา 291 โดยแก้ไขรายมาตรา หากรัฐบาลต้องการแก้ไขทั้งฉบับ ศาลก็เห็นว่ารัฐธรรมนูญปี཮ ผ่านการประชามติมาแล้ว การแก้ไขหรือล้มล้างทั้งฉบับควรถามประชาชนโดยทำประชามติก่อน นี่เป็น 2 โจทย์ง่ายๆ ที่รัฐบาลควรนำไปปรับใช้เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ถ้ารัฐบาลยืนยันจะแก้ไขทั้งฉบับโดยตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) รัฐบาลก็ควรเร่งทำประชามติให้ประชาชนแสดงความเห็นหรือเลือกว่าจะอนุญาตให้แก้ไขทั้งฉบับหรือไม่ หากรัฐบาลไม่ต้องการแก้ทั้งฉบับอีกต่อไปก็กลับไปใช้มาตรา 291 เสนอแก้ไขเป็นรายมาตรา ปัญหาก็จะหมดไป



เลิกอุ้มเสื้อแดง-รัฐอยู่ครบเทอม

'ขณะนี้แกนนำเสื้อแดงดูเหมือนจะไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล มุ่งหน้าสร้างเงื่อนไขให้เกิดความสับสน ความขัดแย้งขึ้นในสังคมไทย รัฐบาลต้องหยุดคนเหล่านี้ หากรัฐบาลจะอุ้มคนเหล่านี้ไว้ข้างตัว เชื่อว่าบ้านเมืองจะไม่มีวันสงบ เพราะแกนนำเสื้อแดงมีผลประโยชน์มีส่วนได้-เสียกับการแก้รัฐธรรม นูญและเสนอพ.ร.บ.ปรองดอง ตราบใดที่เอาคนมีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาเกี่ยวข้อง ปัญหาจะไม่มีวันจบ' นายชวนนท์กล่าว



นายชวนนท์กล่าวว่า ตนอยากเรียกร้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ให้ตัดแกนนำเสื้อแดงและปรามให้หยุดออกมาข่มขู่ประชาชน ข่มขู่ศาลและองค์กรอิสระ หากทำได้รัฐบาลมีโอกาสอยู่บริหารประเทศครบ 4 ปี ฝ่ายค้านไม่ใช่ตัวปัญหาของประเทศ แต่ปัญหาคือแกนนำเสื้อแดงที่อุ้มอยู่ข้างเอวรัฐบาล วันนี้ถ้าปลดล็อกตรงนี้ได้ ให้คนเหล่านี้ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมเหมือนคนอื่น นายกฯ จะเดินหน้าแก้ปัญหาของประชาชนอย่างเต็มที่ จะเป็นจุดเริ่มต้นของประเทศไทย แต่ถ้ารัฐบาลยังหนีไม่พ้นวังวนเดิม ยังฟังแกนนำเสื้อแดง ฟังการข่มขู่จากคนเหล่านี้ สร้างให้ประเทศเกิด 2 มาตรฐาน เชื่อว่าคำวินิจฉัยของศาลก็ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น



บี้ครม.ลาออกยกชุด

นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้ศาลรัฐธรรม นูญจะตัดสินยกคำร้องว่าไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครอง แต่รัฐบาลเป็นหนึ่งในผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อให้ร่างใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลระบุแล้วว่าเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้และขัดกับมาตรา 291 เท่ากับรัฐบาลกระทำผิดต่อกฎหมาย และร่างกฎหมายนี้เป็นอันตกไปแล้ว โดยมารยาทเมื่อรัฐบาลเสนอกฎหมายไม่ผ่านไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ รัฐบาลต้องลาออกทั้งคณะ จึงเรียกร้องว่าถ้าอ้างว่าตัวเองเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยก็ควรมีมารยาทด้วยการลาออกทั้งคณะเพื่อรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำ



นายบุญยอดกล่าวถึงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เตรียมให้คณะทำงานด้านกฎหมายพิจารณาในรายละเอียดของคำวินิจฉัย เพื่อหาช่องทางเดินหน้าลงมติวาระ 3 ว่า ขอให้นายสมศักดิ์ ยุติการดำเนินการดังกล่าวเนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลชัดเจนแล้ว จึงควรยุติการสร้างความสับสนและยอมรับในคำตัดสินของศาล



จี้'อัชพร-ขุนค้อน-พิทูร'ไขก๊อก

ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คนที่ต้องรับผิดชอบลาออกเพิ่มเติมนอกเหนือจากรัฐบาลทั้งคณะแล้ว คนแรกคือ นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ระบุว่า ครม.สามารถเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรม นูญได้ นายสมศักดิ์ในฐานะผู้บรรจุระเบียบ วาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญจนเรื่องเดินมาถึงขณะนี้ และคนสุดท้ายคือนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่มีการประชุมฝ่ายกฎหมายของสภาและอ้างว่าคำสั่งของศาลที่ให้ชะลอการลงมติวาระ 3 ออกไปนั้นไม่มีผลผูกพันกับฝ่ายนิติบัญญัติ ถือเป็นการให้คำปรึกษาทางกฎหมายที่ผิด ดังนั้น ทั้ง 3 คนจึงควรรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่งพร้อมกับรัฐมนตรีทั้งคณะด้วย



ชี้ไม่จำเป็นต้องส่งกฤษฎีกา

นายราเมศ รัตนะเชวง คณะทำงาน ด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง นายกฯ ระบุจะส่งคำวินิจฉัยให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาอีกครั้งว่า ไม่จำเป็นต้องตีความใดๆ ให้สับสนอีก เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุด มีผลผูกพันต่อทุกองค์กรตามกฎหมาย เว้นแต่จะมีการตั้งธงให้คณะกรรมการกฤษฎีกาทำความเห็นตามความต้องการของรัฐบาล เพื่อใช้เป็นข้ออ้างดันทุรังลงมติในวาระ 3 ต่อไป นายกฯ ต้องแสดงภาวะผู้นำหาทางออกตามที่ศาลวินิจฉัยไว้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา



นายราเมศกล่าวว่า การที่ทีมโฆษกของเครือข่ายรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยพูดในทำนองว่าไม่ยอมรับคำวินิจฉัยนั้น เป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่รู้กฎหมาย ไร้สติปัญญาโดยเฉพาะที่ระบุจะเร่งแก้มาตรา 68 เป็นมาตราแรกเพราะเป็นปฏิปักษ์กับพวกตนโดยจะขอให้ยื่นคำร้องต่ออัยการได้เท่านั้น



กกต.แนะเริ่มต้นใหม่ทำประชามติ

นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า รัฐบาลโดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และ ครม.ต้องตัดสินใจว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา หรือควรทำประชามติก่อน หากเลือกจะใช้วิธีทำประชามติถามประชาชนก็มี 2 แนวทางให้เลือกคือ แนวทางที่ 1 แบบเร็ว เนื่องจากขณะนี้มีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ผ่านวาระ 1-2 ไปแล้ว ก็ให้หยุดไว้ตรงนี้ก่อน เพื่อจัดทำประชามติ ถามประชาชนว่าเห็นด้วยให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ หากเห็นด้วยก็เดินหน้าเพื่อลงมติวาระ 3 ต่อไป



นายประพันธ์กล่าวว่า แนวทางที่ 2 เป็นแบบช้า คือกลับไปเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมด เริ่มต้นจัดทำประชามติถามความคิดเห็นของประชาชนก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากเห็นด้วยก็เริ่มต้นกระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 1, 2 และ 3 ต่อไป ทั้งนี้ ตนมองว่าหากใช้แนวทางที่ 2 จะชัดเจนกว่า แต่อาจใช้เวลาดำเนินการนานพอสมควร แต่หากเลือกจะใช้แนวทางที่ 1 อาจมีปัญหาในข้อกฎหมายตามมา รวมทั้งมีคนหัวหมอยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความใหม่อีก อย่างไรก็ตาม หากจะจัดทำประชามติรัฐบาลต้องเตรียมงบประมาณดำเนินการ 2,500 ล้านบาท ยืนยันว่า กกต.พร้อมจัดทำประชามติ เพราะมีพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 ไว้รองรับแล้ว



18ก.ค.ลดกำลังทหารไทย-เขมร

วันที่ 14 ก.ค. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เปิดเผยผลการเข้าหารือระหว่างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีพล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกัมพูชา เข้าร่วมหารือด้วยเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ไทยและกัมพูชาได้ข้อตกลงร่วมกันเรื่องการปรับกำลังทหารแนวชายแดนบริเวณปราสาทพระวิหารแล้ว โดยกำหนดให้วันที่ 18 ก.ค. นี้ เป็นวันเริ่มปรับกำลังของทั้งสองฝ่าย ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งศาลโลกที่ให้ปฏิบัติเป็นมาตรการชั่วคราวระหว่างไทยและกัมพูชา โดยจะปรับลดกำลังทหารบางส่วนออกจากพื้นที่ และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เข้าทำหน้าที่ในพื้นที่แทนอัตราที่ปรับลด แต่โดยภาพรวมแล้วทหารยังคงเป็นผู้ดูแลอยู่



พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ยืนยันว่าการปรับกำลังทหารทั้งของไทยและกัมพูชา จะไม่ส่งผลให้เกิดการเสียดินแดนใดๆ อย่างแน่นอน และจะป้องกันไม่ให้มีการแทรกซึมหรือแฝงตัวเข้ามาของฝ่ายกัมพูชา โดยในวันดังกล่าวนั้น ตนและพล.อ.เตีย บันห์ จะเดินทางไปร่วมเป็นประธานปรับกำลังในพื้นที่ของตนเองด้วย ส่วนที่กังวลเรื่องทุ่นระเบิดต่างๆ ที่ยังมีอยู่ในพื้นที่นั้น ในสัปดาห์หน้านี้จะมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาปฏิบัติการร่วมกันเพื่อเก็บกู้และทำลาย แต่ยังตอบไม่ได้ว่าจะใช้เวลาทั้งสิ้นนานเท่าใด



รายงานข่าวแจ้งว่า ฝ่ายทหารกัมพูชาจะมีการปรับกำลังทหารออกจากพื้นที่ประมาณ 480 นาย โดยกัมพูชาจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน 350 นาย เข้ามาทำหน้าที่แทน ส่วนการปรับลดกำลังทหารของฝ่ายไทยนั้นไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการถึงจำนวนที่ชัดเจน



นปช.เชียงใหม่โห่ไล่จำลอง-พธม.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 ก.ค. กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จัดสัมมนาพันธมิตร 17 จังหวัดภาคเหนือเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ที่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จ.เชียงใหม่ โดยมีแกนนำคนสำคัญประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ร่วมเวที ปรากฏว่ามีกลุ่มแดงอิสระ นำโดยนายอภิชาติ อินสอน หรือดีเจ.อ้วน และนายภูมิใจ ไชยา หรือดีเจ.ต้อม พร้อมกลุ่มเสื้อแดงอีกจำนวนหนึ่งนำรถติดเครื่องขยายเสียงและป้ายผ้าข้อความโจมตีไปปิดประตูทางเข้าโรงแรม พร้อมตะโกนขับไล่ จนเกือบจะมีการปะทะกันเมื่อกลุ่มพธม.บางส่วนออกมายืนที่บริเวณสระน้ำโรงแรมชั้น 2 พร้อมตะโกนด่าโต้ตอบ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ภูพิงค์เชียงใหม่ นำโดย พ.ต.อ.ดุลย์เดชา อาชวสมิตรกูล พยายามกันไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน



ด้านพล.ต.จำลองกล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงกระทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ไม่เคารพสิทธิผู้อื่น ซึ่งการที่กลุ่มพธม.มาจัดเวทีเสวนาที่เชียงใหม่ ไม่ใช่มายั่วยุ แต่เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางของจังหวัดภาคเหนือ คนไทยสามารถเดินทางไปไหนก็ได้ในประเทศไทย ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงต้องมีเหตุผลมากกว่านี้



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มพธม.เดินหน้าจัดเวทีเสวนาต่อไป ขณะที่กลุ่มแดงอิสระก็ไม่ได้เข้ามาในเขตรั้วโรงแรมและไม่ได้เกิดเหตุรุนแรงแต่อย่างใด



เสื้อแดงปทุมฯแจ้งจับ9ตุลาการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 14 ก.ค. นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี่ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/48 หมู่ 3 ต.กระแชง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยนายศรรักษ์ มาลัยทอง ดีเจ.คนเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานีและกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนนับร้อยคน เดินทางมาที่ สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ในข้อหาแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145 ปลอม และใช้เอกสารราชการปลอม มาตรา 264, 268 และความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏโดยแบ่งงานกันทำตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 โดยมีพ.ต.อ.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผกก.สภ.คูคต เป็นผู้รับเรื่องราวร้องทุกข์ดังกล่าว



ศาลนัดถกถอนประกัน'ก่อแก้ว'

วันที่ 14 ก.ค. นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีศาลอาญา กล่าวถึงนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือขอให้พิจารณาถอนการประกันตัวชั่วคราวนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จากกรณีแถลงข่าวที่มีลักษณะข่มขู่ศาลรัฐธรรมนูญว่า ตนยังไม่ได้รับหนังสือ ส่วนตัวเห็นว่าพฤติการณ์ของนายก่อแก้วชัดเจนว่าสุ่มเสี่ยงกับการผิดเงื่อนไขการประกันตัว และถึงไม่มีใครมายื่นหนังสือร้อง แต่ตนและผู้บริหารศาลอาญาพร้อมทั้งองค์คณะเจ้าของสำนวน ก็นัดประชุมกันในวันจันทร์ที่ 16 ก.ค.นี้ว่าจะมีมาตรการใดในเรื่องนี้ แต่เบื้องต้นจะเรียกตัวนายก่อแก้วมาชี้แจงก่อน แล้วจะประชุมกันว่าถ้าผิดเงื่อนไขจริงจะดำเนินการอย่างไร อาจตักเตือนหรือถอนประกันเลยก็ได้



ผู้สื่อข่าวถามว่านายก่อแก้วเป็นส.ส. จะมีปัญหาเรื่องเอกสิทธิ์การคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 131 หรือไม่ นายทวีกล่าวว่า เรื่องเอกสิทธิ์การคุ้มครองของส.ส.ใช้ได้ตอนที่เปิดสมัยประชุมสภาเท่านั้น แต่ช่วงนี้ปิดสมัยประชุมสภา ศาลจึงมีอำนาจออกหมายเรียกตัวนายก่อแก้วมาชี้แจงได้หรือไต่สวนว่าผิดเงื่อนไขประกันตัวได้ ถ้าศาลเล็งเห็นว่ามีพฤติกรรมที่ยั่วยุปลุกปั่นก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนโดยรวม ก็พิจารณาถอนประกันได้เลย ซึ่งศาลจะเรียกนายก่อแก้วมาไต่สวนและพิจารณาว่าจะมีคำสั่งแบบใดก่อนวันที่ 1 ส.ค.นี้ที่จะเปิดสมัยประชุมสภา



เมื่อถามว่าหากถอนการประกันตัวนายก่อแก้วต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ และหากเปิดสมัยประชุมสภาศาลจะมีอำนาจกักตัวหรือไม่ นายทวีกล่าวว่า ถ้าเปิดสมัยประชุมสภาศาลจะต้องปล่อยตัวโดยอัตโนมัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 131 เว้นแต่จะได้รับการอนุญาตจากประธานสภา ทั้งนี้ หากเรียกมาชี้แจงแล้วนายก่อแก้วไม่ยอมมาศาลมีสิทธิสั่งถอนประกันได้เลย ซึ่งการประชุมวันที่ 16 ก.ค.จะหยิบยกของแกนนำ นปช.รายอื่นๆ มาดูพร้อมกันด้วยว่ามีใครผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่

Related Articels

0 ความคิดเห็น

Leave a Reply


ดูแลโดย © กุ้งอินเตอร์ kunginternews | เยี่ยมชมเว็ปไซค์ กุ้งอินเตอร์นิวส์