ผลสอบคดีหนีทหาร "กห. "สรุป พิรุธ"สด.9"มัดมาร์ค | พระพุทธบาทดอทคอม

ร้าน ''สถาพร''

ผลสอบคดีหนีทหาร "กห. "สรุป พิรุธ"สด.9"มัดมาร์ค


ส่งผู้ตรวจตัดสินปม"เอกสารเท็จ" ศาลรธน.นัดเปิดคำตัดสิน28กค. "อุกฤษ"ชี้ช่องแก้รธน.ใน15เดือน ปูกระทบไหล่ผู้นำหญิงเยอรมัน


2ผู้นำหญิง - นางแองเกลา แมร์เคิล นายกฯเยอรมนี เปิดทำเนียบในกรุงเบอร์ลิน ต้อนรับและร่วมหารือกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯไทย ระหว่างเดินทางไปเยือนเยอรมนีอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 18 ก.ค.
กห.สรุปผลสอบคดีมาร์ค ส่งผู้ตรวจการแผ่นดินสอบ ชี้ "สด.9"สองใบข้อมูลไม่ตรง กัน ลั่น พร้อมเอาผิดคนปลอมเอกสาร ด้านศาลรธน.ระบุคำวินิจฉัยส่วนตัวตุลาการ ยังต้องรออีก 2 เดือน ส่วนคำวินิจฉัยกลางมารับได้วันที่ 28 กค. อุกฤษชำแหละ"คำวินิจฉัยศุกร์13" ชี้ทางไหนก็ยุ่ง ลุยวาระ 3 ก็มีปัญหา ประชามิติไม่มีฉบับเปรียบเทียบ แก้รายมาตราก็นาน แนะเลิกของเก่าใช้รธน.ปี2517 ตั้ง ทำประชามติขอแก้รายมาตรา เชื่อ 15 เดือนก็เสร็จ โภคินเตือนเพื่อไทยและรัฐบาล แก้รธน.ต้องรอบคอบ-ระบุอำนาจศาลรธน.ให้ชัด มาร์คตกร่องเลิกแก้รัฐธรรมนูญ



กห.แจงใบสมัครทหารของมาร์ค

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้มีหนังสือที่ 0201/1099 กระทรวงกลาโหม ลงวันที่ 10 ก.ค. 2555 ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ผผ 11/459 ลงวันที่ 11 มิ.ย. 2555 สอบถามกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกร้องใช้เอกสารหลักฐานปลอม เพื่อเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

โดยระบุว่า กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ.2521 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติตามที่ระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ.2529 กำหนด ในกรณีที่ผู้สมัครเข้ารับราชการเป็นชาย ระเบียบกระทรวงกลาโหมกำหนดให้ต้องมีใบสำคัญทางทหารด้วย เช่น ทะเบียนกองประจำการ (สด.3) ใบสำคัญ (แบบ สด.9) หนังสือสำคัญ (แบบ สด.8) ใบรับรองผล การตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้ารับราชการทหารกองประจำการ พ.ศ. ....(แบบ สด.43) หรือใบสำคัญ/หนังสือสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้วแต่กรณี ซึ่งส่วนราชการต้นสังกัดที่ขอบรรจุได้ตรวจสอบความถูกต้องขั้นต้น และเห็นว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 แล้ว รมว.กลาโหมผู้มีอำนาจในการบรรจุย่อมสามารถออกคำสั่งให้บรรจุบุคคลเข้ารับราชการได้ตามที่ส่วนราชการต้นสังกัดรายงานขอบรรจุ



เผยปี"42ตรวจพบว่าผิด-ปีนี้ก็พบซ้ำ

ในกรณีของนายอภิสิทธิ์ซึ่งในขณะนั้น (วันที่ 7 ส.ค. 2530) กระทรวงกลาโหมเชื่อว่า การขอบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร นั้นส่วนราชการที่ขอบรรจุได้ตรวจสอบความถูกต้องตามระเบียบของกระทรวงกลาโหมแล้ว รมว.กลาโหมจึงได้ออกคำสั่งบรรจุและแต่งตั้ง ปรากฏว่าภายหลังมีผู้ร้องเรียนการบรจุไม่ถูกต้อง เนื่องจากใช้หลักฐานเอกสารที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ กองทัพบกโดยเจ้ากรมจเรทหารบกได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงตามอนุมัติผบ.ทบ. ท้ายหนังสือกรมการกำลังสำรองทหารบก ลับที่ กห 0426/654 ลงวันที่ 8 มี.ค. 2542 ซึ่งได้รายงานผลการสอบสวนถึง ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2542 ตามหนังสือกรมจเรทหารบกที่ กห 0423/277 ลงวันที่ 19 พ.ค. 2542 โดยได้เสนอให้ลงทัณฑ์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช 2476 ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดไปเรียบร้อยแล้ว รายละเอียดตามสำเนาเอกสารของจเรทหารบก ซึ่งมีการรับรองสำเนาถูกต้องแล้ว

ในครั้งนี้ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า 1.1 ขั้นตอนการบรรจุมีหลักฐานใบสำคัญทางทหาร คือ หนังสือรับรองการผ่อนผันไม่เรียกเข้ากองประจำการในยามปกติ ตามหนังสือแผนกสัสดีกรุงเทพมหานคร ที่ กห 0481.62/5053 ลงวันที่ 31 ก.ค. 2530 ซึ่งเป็นหลักฐานที่ขัดต่อพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 เนื่องจากเป็นการรับรองว่า "นายอภิสิทธิ์ได้รับการผ่อนผัน ตามมาตรา 29(3) และเข้าบัญชีทหารกองเกินเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2525 ได้รับการผ่อนผันไม่เรียกเข้ากองประจำการในยามปกติ" ซึ่งตามความจริง นายอภิสิทธิ์จะต้องไม่ได้รับการผ่อนผัน เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้กำลังศึกษาหรือมีสิทธิขอผ่อนผันตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 29(3) ทั้งยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน จึงไม่มีรายชื่ออยู่ในระบบบุคคลในราชการทหาร ทำให้ไม่ต้องขอหรือไม่สามารถขอรับการผ่อนผันในการเข้ารับราชการทหารได้ หรือหากได้ขอรับการผ่อนผันกรณียังศึกษาอยู่ต่างประเทศโดยมีหนังสือรับรองจากสถานศึกษาต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต จะต้องได้รับการผ่อนผันตามมาตรา 27(2) เป็นแบบ สด.41



แฉ"สด.9"สองใบข้อมูลไม่ตรงกัน

อีกทั้งยังมีหลักฐานต้นขั้วแบบ สด.9 และเอกสารแบบ สด.1 ฉบับจริง ยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 แต่ใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย. 2531 ยังกำหนดข้อความผิดจากการเข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 เป็นเข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2531 ซึ่งเป็นการขัดแย้งกับข้อมูลฉบับเดิมที่ตรวจสอบพบเพิ่มเติม ดังนั้น ใบสำคัญ(แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายลงวันที่ 8 เมษายน 2531 ยังไม่อาจใช้เป็นหลักฐานใบสำคัญทางหทารที่ถูกต้องได้

1.2 ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ เพื่อให้ได้มาซึ่งทะเบียนกองประจำการ (สด.3) หลังจากนายอภิสิทธิ์ได้รับการแต่งตั้งยศแล้ว เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2531 ได้นำใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย. 2531 ไปขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ หากนำใบสำคัญ (แบบ สด.9) ฉบับลงวันที่ 4 ก.ค. 2529 เป็นหลักฐานในการขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการจะสามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นบุคคลที่ไม่เข้ารับการตรวจเลือก (ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร) ในวันที่ 7 เม.ย. 2530 จึงทำให้การขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ (สด.3) โดยใช้เอกสารใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายไม่ถูกต้องไปด้วย



ชี้จุดเอกสารผิดข้อเท็จจริง

2.รมว.กลาโหมได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้วตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 281/55 ลงวันที่ 25 มิ.ย.2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 295/55 ลงวันที่ 2 ก.ค. 2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง (เพิ่มเติม) โดยกรมเสมียนตราได้มีหนังสือสอบถามโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าขอให้ตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการผ่อนผันหรือได้รับการยกเว้นการเรียกเข้ารับราชการทหารกองประจำการของนายอภิสิทธิ์ มีอยู่จริงหรือถูกต้องประการใด

โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าได้ส่งเอกสารสำคัญพร้อมกับรับรองสำเนาถูกต้อง คือ ใบสมัคร สัญญาค้ำประกัน สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัคร และบิดามารดา สำเนาแสดงผลการเรียน พร้อมคำแปล และผลการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคล(รปภ.1) แต่ไม่พบเอกสารหลักฐานใบสำคัญทางทหารฉบับจริง ซึ่งคณะกรรมการได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบข้อสังเกตเพิ่มเติมจากที่ตรวจพบก่อนหน้าโดยจเรทหารบก

สำหรับการตรวจสอบเอกสารที่ถูกต้องสำหรับการผ่อนผัน หรือได้รับการยกเว้นการเรียกเข้ารับราชการทหารกองประจำการของนายอภิสิทธิ์คงมีรายละเอียดเช่นเดียวกับข้อ 1.1 และ 1.2 ซึ่งพบว่าเอกสารใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย. 2531 หนังสือแผนกสัสดีกรุงเทพ มหานคร ที่ กห 0481.62/5053 ลงวันที่ 31 ก.ค. 2530 และทะเบียนกองประจำการ(สด.3) มีสาระสำคัญไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง และไม่อาจใช้เป็นหลักฐานเอกสารการรับราชการทหารได้และยังปรากฏหลักฐานแบบ สด.16 ปี พ.ศ.2536 ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่เข้ารับการตรวจเลือก" และหลักฐานแบบ สด.27 ปี พ.ศ.2530 ระบุว่า นายอภิสิทธิ์เข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 ซึ่งเป็นเอกสารยืนยันความไม่ถูกต้องของเอกสารตามข้อ 1.1 และ 1.2 ดังกล่าวข้างต้นด้วย



พร้อมส่งจนท.ชี้แจงผู้ตรวจการฯ

3.หากกระบวนการบรรจุคำสั่งบรรจุ หรือคำสั่งแต่งตั้ง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมที่เกี่ยวข้อง กระทรวงกลาโหมสามารถดำเนินการยกเลิก เพิกถอนคำสั่งบรรจุหรือคำสั่งแต่งตั้งได้โดยอำนาจของรมว.กลาโหม โดยจะต้องพิจารณามูลเหตุ และแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อดำเนินการตามกระบวนการตามระเบียบของทางราชการต่อไป สำหรับการเรียกเงินเดือนและสิทธิประโยชน์อื่นๆ คืน ถ้าจำเป็นหรือมีเหตุอันควรจะพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ

ต้นไม้เก่า - ต้น "กระพี้จั่น" ต้นไม้เก่าแก่ สูงกว่า 10 เมตร ข้างห้องทำงานเก่าของนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลหักโค่นลงมาขวางถนนระหว่างตึกนารีสโมสรและรังนกกระจอกเก่า หลังเกิดฝนตกลงลงมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 18 ก.ค.


สำหรับการดำเนินการตามข้อ 1 และข้อ 2 กระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้กรมพระธรรมนูญรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นการแสดงข้อมูลเท็จในการบรรจุเข้ารับราชการของนายอภิสิทธิ์จะดำเนินการต่อไปอย่างไร หากจะต้องเพิกถอนคำสั่งจะกระทำได้หรือไม่ และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับไประหว่างรับราชการจะสามารถเรียกคืนได้หรือไม่ประการใด รวมทั้งพิจารณาดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปลอมเอกสารและนำเอกสารไปใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าว

หากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือมีข้อสงสัยประการใดกระทรวงกลาโหมยินดีให้การสนับสนุนข้อมูลรวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป



ผู้ตรวจฯลั่นเร่งสอบอยู่

นายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงคำร้องของนายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากรมว.กลาโหม เพิกเฉยไม่ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทุจริตใช้เอกสารหลักฐานปลอม เพื่อเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในร.ร.จปร. แต่ยังมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ทางทหารว่า หลังจากสำนักงานผู้ตรวจการฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ตรวจสอบเอกสารต่างๆ ทั้งหมด แต่ต้องใช้เวลามาก เพราะเรื่องเกิดมานานแล้ว เอกสารบางอย่างต้องใช้เวลาตรวจสอบนาน

นายรักษเกชากล่าวอีกว่า จากนั้นสำนักงานส่งหนังสือสอบถามพล.อ.อ.สุกำพลไปแล้ว และได้หนังสือตอบกลับมาเมื่อไม่นานมานี้ ทางเจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังตรวจสอบว่าข้อมูลที่ตอบกลับมานั้นครบถ้วนเพียงพอหรือไม่ หากยังไม่เพียงพอจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการจะนำเข้าสู่ที่ประชุมของผู้ตรวจการฯ ต่อไป แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้เราเร่งดำเนินการ เพราะอยู่ในความสนใจของสังคม



บิ๊กโอ๋ระบุเอกสารไม่ตรงสด.9

พล.อ.อ.สุกำพลให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการรับราชการทหารของนายอภิสิทธิ์ ว่า กระทรวงกลาโหมทำหนังสือชี้แจงต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยสรุปว่าเอกสารที่ใช้สมัครเข้าเป็นอาจารย์ในเอกสาร ใบสด.9 ซึ่งเป็นเอกสารทางราชการไม่ตรงกัน

"กระทรวงจะให้นายทหารพระธรรมนูญของเราดูว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อได้บ้าง เรื่องมันนานมาแล้วคงไม่มีความผิดอะไรกันแล้ว เขาถามมาเราก็ต้องตอบไป" พล.อ.อ. สุกำพลกล่าว



ศาลรธน.ให้รับคำวินิจฉัยกลาง28กค.

ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายสมฤทธิ์ ไชยวงค์ โฆษกศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ขณะนี้การจัดทำคำวินิจฉัยกลางกรณีคำร้องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 หรือไม่นั้นใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงการตรวจทานแก้ไขคำผิด คาดว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ตุลาการฯ พิจารณาเห็นชอบในวันที่ 25 ก.ค.นี้ จากนั้นผู้ร้องและผู้ถูกร้องที่ยื่นขอคัดสำเนาวินิจฉัยกลางไว้ สามารถมารับสำเนาได้ที่ สำนักงานฯ ซึ่งจะครบกำหนด 15 วันนับแต่มีคำวินิจฉัยในวันที่ 28 ก.ค.นี้

นายสมฤทธิ์กล่าวว่า เบื้องต้นตนไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเนื้อหา เนื่องจากเป็นไปตามที่ศาลอ่านคำวินิจฉัยไปแล้วทั้ง 4 ประเด็น จึงอยากให้ทุกฝ่ายรอฟังความชัดเจนอีกครั้ง เชื่อว่าสังคมจะเข้าใจ โดยคำวินิจฉัยกลางจะเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนที่สนใจอ่านและทำความเข้าใจได้ด้วย ส่วนคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการฯ ทั้ง 8 คนนั้น อยู่ระหว่างการจัดทำของตุลาการฯ ซึ่งตามข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย กำหนดให้เผยแพร่ภายใน 60 วัน นับแต่มีคำวินิจฉัย



เรืองไกรถอนคำร้องยุบ 6 พรรคแล้ว

นายสมฤทธิ์กล่าวว่า สำหรับคำร้องของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และคณะ ที่ยื่นขอให้ศาลพิจารณาถอดถอนครม.และสมาชิกรัฐสภาที่ลงมติสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญรวม 416 คน ซึ่งส.ส.และส.ว. มีมติส่งหนังสือขอขยายเวลาการจัดทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาออกไปอีก 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ตุลาการที่รับผิดชอบสำนวนดังกล่าว ได้ลงนามอนุญาตแล้ว จึงยังไม่มีการนำวาระดังกล่าวเข้าสู่การประชุมตุลาการในวันที่ 25 ก.ค. หากกลุ่มพันธมิตรฯ ประสงค์จะถอนคำร้องดังกล่าว สามารถยื่นหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาว่าจะถอนคำร้องได้หรือไม่

นายสมฤทธิ์กล่าวว่า ส่วนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา ซึ่งยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัย ส.ส. ส.ว. 317 คน 6 พรรค และ 2 องค์กรที่มีส่วนร่วมสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ซึ่งขัดต่อมาตรา 68 หรือไม่นั้น ได้ทำหนังสือขอถอนคำร้องดังกล่าวมายังศาลแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องให้ตุลาการพิจารณา คาดว่าจะเข้าที่ประชุมวันที่ 25 ก.ค. นี้



อุกฤษแนะแนวทางแก้รธน.

ที่รัฐสภา นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ออกแถลงการณ์แนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย มีเนื้อหา สรุปว่า ข้อแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรให้ประชาชนลงประชามติก่อน ส่งผลให้มีการวิจารณ์และถกเถียงในด้านวิชาการว่าศาลตั้งประเด็นและวินิจฉัยเกินเลยไปจากมาตรา 68 หรือไม่ การลงประชามติต้องทำในขั้นตอนใด ข้อแนะนำดังกล่าวมีผลผูกพันแค่ไหน ซึ่งต้องรอศึกษารายละเอียดคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตน แต่มีความเห็น 3 แนวทาง คือรัฐสภาควรเดินหน้าลงมติในวาระ 3 ต่อไป หรือควรชะลอเอาไว้ก่อนเพื่อไปออกเสียงประชามติก่อน หรือปล่อยให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไปแล้วแก้ไขเป็นรายมาตรา

นายอุกฤษกล่าวอีกว่า การดำเนินการตามแนวทางที่ 1 แม้จะทำได้โดยชอบตามกฎหมาย แต่อาจเป็นชนวนหรือสาเหตุทำให้บ้านเมืองวุ่นวายไม่จบสิ้น ส่วนแนวทางที่ 2 ก็ไม่ชัดเจน เพราะยังไม่มีร่างให้ประชาชนพิจารณาเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจลงประชามติ ซึ่งจะถูกวิจารณ์ได้เหมือนการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ให้ประชาชนเลือกระหว่างร่างรัฐธรรมนูญปี"50 กับสิ่งที่ยังมองไม่เห็น ขณะที่แนวทางที่ 3 คงใช้เวลานานมาก และไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อใด

"จึงมีข้อเสนอว่า รัฐสภาควรปล่อยให้ร่างรัฐธรรมนูญที่รอลงมติในวาระ 3 ตกไป เพื่อไปออกเสียงประชามติ กำหนดหัวข้อให้ชัดเจนคือให้ประชาชนมีตัวเลือกว่าหากไม่เอารัฐธรรมนูญปี"50 แล้วรัฐบาลจะนำฉบับใดมาปรับปรุงแก้ไข และประกาศใช้บังคับแทน ซึ่งเห็นว่าควรนำรัฐธรรมนูญปี 2517 มาเป็นตัวเลือก หากประชาชนลงประชามติไม่เอาฉบับปี"50 จะนำฉบับปี 2517 มาปรับปรุงแก้ไขตามกระบวนการมาตรา 291 จากนั้นให้ประชาชนลงประชามติอีกครั้งก่อนประกาศใช้บังคับ"



ชงใช้"รัฐธรรมนูญ 2517"เป็นหลัก

ประธาน คอ.นธ.กล่าวว่า ที่นำรัฐธรรมนูญปี 2517 มาเป็นตัวเลือก เพราะได้ชื่อว่าเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด มีความก้าวหน้าและเป็นเสรีนิยม ยึดโยงกับภาคประชาชน ที่สำคัญยังถูกร่างขึ้นหลังเหตุการณ์วันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งเป็นช่วงที่กระแสประชาธิป ไตยกำลังเบ่งบาน ขณะเดียวกันยังบัญญัติถึงที่มา องค์ประกอบและการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้รัฐสภา ครม. และคณะกรรมการตุลาการ เป็นผู้เลือกคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ

นายอุกฤษกล่าวว่า หากเสียงข้างมากว่าเห็นควรใช้บังคับรัฐธรรมนูญปี"50 ต่อไปก็เป็นอันยุติ ไม่ต้องดำเนินการอันใดต่อไปอีก เว้นแต่การแก้ไขเพิ่มเติมเป็นรายมาตราที่เห็นว่าเป็นปัญหาเท่านั้น แต่หากเสียงข้างมากเห็นควรนำฉบับปี 2517 มาปรับปรุงแก้ไข ก็ให้ยกร่างเช่นเดียวกับปี 2517 คือให้ครม.แต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมายกร่างโดยใช้แนวทางปี 2517 มาเป็นหลัก เสร็จแล้วให้นำร่างฉบับใหม่ เสนอครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบ จากนั้นเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาตามกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 291 ต่อไป



คาดแก้เสร็จภายใน 15 เดือน

นายอุกฤษกล่าวว่า เมื่อรัฐสภาลงมติวาระแรก ก็ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก ผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ส.ส.และส.ว.ในสัดส่วนที่เหมาะสม จากนั้นจัดรับฟังความเห็นจากประชาชนโดยเปิดเผยและโปร่งใส ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ วิทยุหรือสื่ออื่น ให้ประชาชนรับรู้ เมื่อพิจารณาวาระ 2 เสร็จให้รอ 15 วัน ก็ลงมติในวาระ 3 และนำไปออกเสียงลงประชามติ จากนั้นนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้บังคับต่อไป

"หากทำตามแนวทางนี้จะเสร็จภายในไม่เกิน 15 เดือนหรือ 450 วัน ถึงจะลงประชามติ 2 ครั้ง บางคนอาจมองว่าสิ้นเปลืองงบฯ โดยใช่เหตุ แต่แนวทางนี้สิ้นเปลืองน้อยกว่าการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง และยังมีเงินเดือนส.ส.ร. ต้องนำงบไปจัดทำประชามติอีก ที่สำคัญแนวทางที่ตนเสนอจะทำให้รัฐธรรมนูญได้รับการยอมรับจากบุคคลทุกฝ่าย ทุกสีและเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับข้อแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญด้วย" นายอุกฤษกล่าว



โภคินเตือนรัฐบาลต้องรอบคอบ

ที่พรรคเพื่อไทย นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา และพยานฝ่ายผู้ถูกร้อง เปิดเผยว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ยังตีความไม่ชัดเจนว่า การแก้ไขมาตรา 291 ถือเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ แต่ส่วนตัวยืนยันว่าการแก้ไขมาตรา 291 เป็นการแก้ไขเพียงมาตราเดียว ยังไม่มีผลให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี"50 ทั้งฉบับ เป็นเพียงกระบวนการเพื่อนำไปสู่การตั้งส.ส.ร. เหมือนที่เคยปฏิบัติในอดีต ดังนั้นถือว่าคำวินิจฉัยยังไม่ชัดเจน จึงต้องกลับไปดูคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตนว่าตีความไว้อย่างไร

นายโภคินกล่าวว่า ขณะนี้มองว่าแต่ละทางเลือกของ 3 องค์กร ไม่ว่ามติพรรคเพื่อไทยและที่ประชุมครม. ที่ให้รอคำวินิจฉัยกลางและส่วนตน รวมทั้งมติที่ประชุมสมาชิกรัฐสภา 416 คน ที่ให้เดินหน้าขอมติรัฐสภาเพื่อลงมติในวาระ 3 ล้วนเป็นความพยายามให้เกิดความชัดเจน แต่อยากขอร้องพรรคเพื่อไทยที่มีเสียงข้างมาก รวมถึงรัฐบาลใช้ความรอบคอบดำเนินการ และยึดแนวทางที่ฟังความคิดเห็นของประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้ ส่วนที่เสนอให้แก้รายมาตรานั้น ควรแก้ไขมาตราที่ขัดกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเอง อาทิ มาตรา 309 ที่ขัดกับมาตรา 3 และเป็นการนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ยึดอำนาจ และออกคำสั่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงควรแก้ไขเพื่อสร้างหลักประชาธิปไตยให้ประเทศเดินหน้า ซึ่งไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้แก่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ตามที่ถูกตั้งข้อสงสัย



ชี้ต้องระบุอำนาจศาลรธน.ให้ชัด

นายโภคินกล่าวว่า ส่วนการแก้ไขในมาตราที่จำกัดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญนั้น ต้องพิจารณาเป็นรายกรณีในอดีตเคยมีศาลยุติธรรมคอยทำหน้าที่แก้ไขข้อพิพาทเรื่องรัฐธรรมนูญโดยไม่ต้องมีศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจะยังมีศาลรัฐธรรมนูญอยู่หรือไม่ ต้องพิจารณาขอบเขตอำนาจให้ดี แต่ย้ำว่าหลังจากนี้ต้องระบุอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนว่าการยื่นคำร้องตามมาตรา 68 ต้องผ่านอัยการสูงสุดก่อนเท่านั้น

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีพ.ต.ท.ทักษิณระบุถ้าจะมีการปรองดองเกิดขึ้นจะต้องมีการนิรโทษกรรมด้วยว่า เรื่องนี้พูดบ่อยแล้ว ถ้าใช้บริการของตนก็จะชี้แจงให้ทราบรายละเอียดทั้งหมด จะทำความเข้าใจทีละมาตราและมีเหตุผลประกอบ เมื่อถามย้ำว่าในร่างพ.ร.บ. ปรองดองจะมีเรื่องการนิรโทษกรรมบรรจุไว้ด้วยใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรียบร้อย ไม่มีปัญหา



พท.เตรียมถกข้อเสนอเหลิม

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุควรเดินหน้าโหวตวาระ 3 ว่า ต้องขอดูชัดๆ ก่อน จะดูว่าถ้าแก้เป็นรายมาตราทำได้ ไม่ยืดเยื้อ ก็จะแก้เป็นรายมาตรา แต่ถ้าดูแล้วเป็นไปไม่ได้ มีความยากลำบาก อาจใช้วิธีอื่น ที่ผ่านมาการแก้ไขรัฐธรรมนูญกว่า 10 มาตรา ต้องใช้เวลายาวนานมาก หากแก้ไขทั้งฉบับจะใช้เวลาเป็นปีและหากดึงเรื่องไว้การดำเนินการจะยิ่งล่าช้าไปอีก

นายวรวัจน์กล่าวว่า ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิมเห็นควรแก้ไขเป็นรายมาตรานั้น จะนำประเด็นนี้ไปพิจารณาและหารือในการสัมมนาของพรรคเพื่อไทย วันที่ 28-29 ก.ค. โดยจะพูด คุยกับส.ส.ในพรรคว่าความเห็นของฝ่ายนิติบัญญัติเป็นอย่างไร เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติที่ไม่สามารถดำเนินการตามแนวทางที่ควรจะเป็นได้ ไม่ใช่เรื่องบุคคล และหลังจากเราคุยกันภายในแล้วจะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้แนวทางดำเนินการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน



มาร์คบี้รัฐบาลเลิกแก้รธน.

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์กรณีส.ส.พรรคเพื่อไทยเร่งให้โหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ว่า นายกฯ ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อโดยทำตามคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องจะได้จบ อย่าทำให้อึมครึม เพราะมีปัญหาหลายเรื่องต้องแก้ อย่าดึงดันเอาชนะคะคานกัน กรณีนายกฯจะรอคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตน และให้เป็นหน้าที่ของสภานั้น ปัญหาขณะนี้ไม่ใช่เรื่องข้อกฎหมายแล้ว แต่เพื่อประโยชน์ในการบริหารบ้านเมืองและการตัดสินใจการเมือง วันนี้นายกฯ เดินเข้าพรรคเพื่อไทยแล้วบอกให้หยุดและทำตามที่ศาลชี้ ทุกอย่างก็จะดำเนินการตามนี้ได้

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การปรองดองเป็นไปได้ที่จะมีกฎหมายนิรโทษกรรม แต่ไม่มีที่ไหนจะโยงคดีทุจริตเข้ามาด้วย ต้องผ่านขั้นตอนค้นหาข้อเท็จจริงก่อน พ.ต.ท.ทักษิณพยายามทำให้เกิดความไขว้เขวว่า ถ้าไม่นิรโทษกรรมแล้วการปรองดองเกิดขึ้นไม่ได้ เรื่องนี้ต้องเริ่มจากสร้างบรรยากาศความปรองดอง แล้วมาตกลงว่าอะไรบ้างจะได้รับการนิรโทษ ดังนั้นวันที่ 1 ส.ค. เปิดสภามาต้องประกาศให้ชัดว่าจะหยุดทั้ง 2 เรื่อง แล้วพูดคุยทำความเข้าใจกับสังคม หาทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทำเรื่องนี้



เหลิมหนุนเพรียวพันธ์รองนายกฯ 

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้ยินกระแสข่าวการปรับ ครม. เลย นั่งประชุมครม.ข้างซ้ายของนายกรัฐมนตรีในทุกวันอังคารก็ไม่ได้ยินข่าวดังกล่าว ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้ยินข่าวการปรับ ครม. โดยเฉพาะการโยกให้ไปรับตำแหน่งรมว.มหาด ไทยนั้นไม่จริง แล้วจะให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทยไปนั่งที่ไหน และตนเคยดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทยมาแล้ว วันนี้อยู่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีกำลังทำงานสนุก โดยเฉพาะการแก้ปัญหายาเสพติด ส่วนจะเหนียวแน่นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพล.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.เกษียณอายุราชการ จะมีโอกาสเข้ามาร่วมครม.หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ความเห็นส่วนตัว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์มีความเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเรื่องนี้เคยพูดมาตลอดก่อนที่จะดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.แล้ว ส่วนที่จะกระทบต่อการดำรงตำแหน่งของตนนั้น ไม่เป็นไรเลย เคารพการตัดสินใจของนายกฯ ความเห็นส่วนตัวยืนยันว่าพล.ต.อ.เพรียวพันธ์มีความเหมาะสมทั้งดูแลความมั่นคงและปัญหายาเสพติด มีความเหมาะสม ส่วนตนเองจะไปนั่งเก้าอี้ใดในครม.ขึ้นอยู่กับนายกฯ ตัดสินใจ

"ถามถึงความเหมาะสม ส่วนตัวผมยืนยันว่าพล.ต.อ.เพรียวพันธ์มีความเหมาะสม มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความรู้ความสามารถ และเป็นคนเรียบง่าย ส่วนอนาคตท่านจะเข้าสู่เส้นทางการเมืองหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบต้องไปถามท่านเอง ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าที่ยังไม่มีการปรับ ครม.ในขณะนี้ เพราะรอการเกษียณอายุราชการของพล.ต.อ.เพรียวพันธ์นั้น เรื่องนี้มาถามผมไม่ได้ เพราะไม่ใช่คนตัดสินใจปรับ ครม. เรื่องนี้ยืนยันว่าไม่รู้จริงๆ" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว



ตร.ชี้เด็กปชป.หมิ่นนายกมีมูล

วันที่ 18 ก.ค. ที่รัฐสภา นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มอบหมายทีมงานนำหนังสือไปยื่นอัยการสูงสุด ขอให้พิจารณายื่นคำร้องยกเลิกการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยที่ทำผิดเงื่อนไข เนื่องจากเห็นว่าจำเลยที่ทำผิดอาญาที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองหลายคน ทำผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวที่ทำไว้กับศาลอาญา เช่น ปราศรัย ข่มขู่ ปลุกระดมมวลชนอันอาจก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงและกระทำผิดกฎหมาย กรณีดังกล่าวเป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบว่าใครบ้างที่ทำผิดเงื่อนไข แต่ที่ผ่านมา กลับเพิกเฉย หากภาคประชาชนยื่นคัดค้านเองจะเกิดความขัดแย้งในอนาคต แต่ถ้าอัยการสูงสุดยังเพิกเฉยก็จะเปรียบเทียบกับกรณีที่มีผู้ร้องไปยื่นต่ออัยการสูงสุด กรณีมาตรา 68 และไม่กระทำการใดๆ จึงต้องไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญแทน

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.ดูแลงานกฎหมายและสอบสวน เผยถึงกรณีแจ้งความดำเนินคดีผู้หมิ่นประมาทน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า วันที่ 23 ก.ค. เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พิธีกรรายการสายล่อฟ้ามารับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสารและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ที่บก.น.5 เนื่องจากคณะพนักงานสอบสวน บช.น. พบว่ามีมูลและมีพยานหลักฐานเพียงพอจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาได้ สำหรับน.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ส่งสำนวนให้อัยการไปแล้วและส่งสอบเพิ่มเติม ส่วนนายชวนนท์ คดีหมิ่นประมาทก็ส่งให้อัยการไปแล้วเช่นกัน แต่คดีนี้เป็นคดีที่ร่วมกันพูดในรายการสายล่อฟ้า โดยมีพล.ต.ต.กฤษฎิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 เป็นหัวหน้าและตนมีหน้าที่ควบคุมคดี



รบ.ไม่เครียด-ไม้ล้มในทำเนียบ

วันที่ 18 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ต้นกระพี้จั่น ต้นไม้เก่าแก่ที่สูง 10 เมตร อยู่ที่ข้างห้องนักข่าวเก่าประจำทำเนียบรัฐบาล หรือ"รังเก่า" ถูกพายุฝนพัดกระหน่ำในช่วงดึกของ วันที่ 17 ก.ค. และหักโค่นออกมาเป็น 2 ซีก ขวางถนนระหว่าง"รังเก่า" และตึกนารีสโมสร นอกจากนั้นยังมีเสาไฟถนนหักลงมาด้วย จึงต้องประสานกทม. เพื่อนำเครื่องมือและอุปกรณ์มาตัดต้นไม้ และทางทำเนียบกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะนำต้นกาสะลองหรือต้นปีบ มาปลูกแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังต้นไม้ใหญ่ล้มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทำเนียบในลักษณะอายุต้นไม้อาจเชื่อมโยงถึงอายุของรัฐบาล ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เนื่องจากต้นไม้มีอายุมาก

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงเสียงวิจารณ์กรณีต้นกระพี้จั่น อายุกว่า 50 ปีโค่นล้มว่า อาจเป็นเพราะต้นไม้เก่าแก่แล้ว แต่ถ้าล้มก่อนวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยออกมา อาจจะรู้สึกเครียด แต่ตอนนี้ไม่กังวล

นางยุวดี ธัญญสิริ หรือเจ๊ยุ ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบกล่าวว่า ตกใจมากที่รู้ว่าต้นกระพี้จั่นล้ม เห็นต้นกระพี้จั่นต้นนี้ตั้งแต่ยังเป็นต้นเล็กๆ ขณะนั้นยังไม่มีรังนกกระจอกเก่า จนมาถึงปี 2520 สมัยพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกฯ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่สร้างรังนกกระจอกให้เป็นที่พักของนักข่าว ก่อนหน้านี้ต้นกระพี้จั่นเคยแตกเป็น 3 แขนงขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่เขาตัดออกไป 2 แขนง เพราะรถไม่สามารถเล่นผ่านได้ อีกทั้งเกรงจะหักลงมา ฝากเตือนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ดูแลต้นปาล์มยะวาที่นำมาจากสวนนงนุช พัทยา และปลูกในสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่นำเอาเสาค้ำรอบต้นออกหมดแล้ว ต้นไม่มีอะไรยึดไว้เกรงจะโค่นลงมาเป็นอันตรายด้วย



"ยิ่งลักษณ์"บินเยือนเยอรมัน

วันที่ 18 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจการเดินทางเยือนประเทศเยอรมนีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า เมื่อเวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่โรงแรม Adlon Kempinski น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้มอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทยระหว่างอาหารเช้า โดยขอให้ใช้วิกฤตหนี้ยุโรป ให้เป็นโอกาสของไทยในยุโรป เสนอจุดเด่นของไทยในด้านภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน เพื่อดึงดูดนักลงทุน

นายกฯ กล่าวว่า การเดินทางเยือนเยอรมนีในช่วงนี้ ถือเป็นโอกาสดีเพราะครบรอบ 150 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต และถือเป็นเจตจำนงของไทย ที่จะแสดงความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเยอรมนีและนักลงทุนเยอรมนี เพื่อให้การค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศดีขึ้นกว่านี้ และการเดินทางเยือนหลายประเทศก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และถือเป็นโอกาสในวิกฤต โดยเฉพาะการเติบโตของอาเซียน ซึ่งถือเป็นจุดแข็งให้ประเทศไทย

นอกจากนี้นายกฯ ยังสั่งการให้มีคณะทำงานร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งแก้ปัญหาอุปสรรคด้านการค้าการลงทุน อาทิ การตรวจสอบมาตรฐานการนำเข้าสินค้าของไทยให้เป็นที่ยอมรับ รวมทั้งการเข้มงวดการออกใบรับรองคุณภาพสินค้าให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการตีกลับสินค้าด้วย

จากนั้นนายกฯ ร่วมหารือกับคณะนักธุรกิจจากบริษัทชั้นนำในสาขาเกษตรและอาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ พลังงาน เศรษฐกิจสีเขียว การแพทย์ทางเลือก และการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมทั้งผู้แทนสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า สมาคมธนาคารไทย ตลอดจนสมาคมอื่นๆ โดยกำชับหน่วยงานไทยในเยอรมนีเร่งส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศ



พท.ซัดกทม.หนีประเด็นบีทีเอส

วันที่ 18 ก.ค. ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีนายอัศวัชร์ อภัยวงศ์ ที่ปรึกษาของนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกทม. ระบุราคาการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ของกระทรวงคมนาคมมีราคาสูงกว่าราคากลางที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) กำหนดไว้กว่า 1 หมื่นล้านบาทว่า การพูดของนายอัศวิน เบี่ยงเบนประเด็นเรื่องสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสที่กทม.ไปต่อสัญญาให้เอกชนก่อนหมดสัญญา 17 ปี และสิ่งที่นายอัศวินพูดไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงยังอยู่ระหว่างการต่อรองราคา ยังไม่ได้ทำสัญญาหรือมีข้อสรุป ถือเป็นการกล่าวหาที่มีเจตนาพิเศษทางการเมือง

นายจิรายุกล่าวว่า หากเห็นว่าเป็นเรื่องจริง ให้ไปร้องป.ป.ช.หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทันที ซึ่งฝ่ายกฎหมายของพรรคกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดต่อไป และรู้สึกผิดหวังผู้ว่าฯกทม.ไม่เคยออกมาชี้แจงเรื่องการต่อสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอส ให้แต่นายธีระชนชี้แจง และระยะหลังนายธีระชนถนอมตัวเพราะแว่วว่าเตรียมตัดสูทลงสมัครผู้ว่าฯกทม. แต่ขอแนะนำให้ไปถามคนในพรรคประชาธิปัตย์ดูก่อน เพราะได้ข่าวว่ามีผู้สนับสนุนคนตัวโย่งชื่อย่อ "อ" ในพรรคมาลงสมัครผู้ว่าฯกทม.



ส.จ.อุดรฯต่อยคนเสื้อแดงเจ็บ

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. นายหนูกัน ไพรแสง อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 ม.4 บ้านโนนฐานะ ต.สร้างก่อ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี พร้อมด้วยคนเสื้อแดงและญาติๆ สิบกว่าคน เข้าแจ้งความต่อพ.ต.ท.อุดม รัตนสุทธิ นายร้อยเวร สภ.กุดจับ ให้ดำเนินคดีกับนายวีระพล บุญมาตุ่น อายุ 56 ปี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี เขต 1 อ.กุดจับ ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ชกต่อยใบหน้าจนได้รับบาดเจ็บ

นายหนูกันให้การว่า กลางดึกที่ผ่านมาไปนั่งกินเหล้ากับญาติๆ ที่กระท่อมนาบ้านโนนฐานะ จากนั้นนายวีระพล บุญมาตุ่น ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งส.จ.เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.55 ซึ่งรู้จักกันมานานแล้วจึงมานั่งดื่มด้วยกัน กระทั่งต่างคนต่างเมาก็พูดคุยเรื่องการเมือง โดยตนบอกนายวีระพลว่าไม่ได้ลงคะแนนให้เพราะสนับสนุนผู้สมัครคนเสื้อแดงที่เป็นคู่แข่งของนายวีระพล ทำให้นายวีระพลไม่พอใจด่าว่าตนต่างๆ นานา เมื่อโดนนายวีระพลด่าด้วยคำหยาบคาย ตนจึงด่าไปด้วยคำหยาบเหมือนกัน ทำให้นายวีระพลชกต่อยเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง

พ.ต.อ.พรชัย บุญรอด ผกก.สภ.กุดจับ ทราบเรื่องจึงสั่งการให้พ.ต.ท.อุดมสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น และเรียกตัวนายวีระพล บุญมาตุ่น มาสอบสวนดำเนินคดีหากพบว่าทำผิดจริง ต่อมาช่วงเที่ยงวันเดียวกันนายวีระพลเดินทางมาที่สภ.กุดจับ ทั้งนี้ ฝ่ายนายหนูกันต้องการเอาเรื่องถึงที่สุด แต่ฝ่ายนายวีระพลต้องการไกล่เกลี่ยให้เรื่องจบ จึงพากันออกไปเจรจากันด้านนอกประมาณ 1 ชั่วโมง และกลับมาพบตำรวจขอยอมความ โดยนายวีระพลจ่ายค่าทำขวัญ 1 พันบาท ขณะที่พ.ต.ท.อุดมเปรียบเทียบปรับนายวีระพล 500 บาท ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น

Related Articels

0 ความคิดเห็น

Leave a Reply


ดูแลโดย © กุ้งอินเตอร์ kunginternews | เยี่ยมชมเว็ปไซค์ กุ้งอินเตอร์นิวส์