"สุกำพล" ยันเอกสารทหารที่ "มาร์ค" ถือของปลอม-"ศิริโชค" แถแทนไม่ได้หนีทหาร! | พระพุทธบาทดอทคอม

ร้าน ''สถาพร''

"สุกำพล" ยันเอกสารทหารที่ "มาร์ค" ถือของปลอม-"ศิริโชค" แถแทนไม่ได้หนีทหาร!



 เวลา 10.30 น. วันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีกระทรวงกลาโหมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการใช้เอกสารทางทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกร้องการใช้เอกสารหลักฐานปลอมในการสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยฯ ว่า ทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้ทำหนังสื่อถึงกระทรวงกลาโหม เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนมาถึงกรณีการใช้เอกสารทางราชการปลอมในการเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยฯ จึงขอหลักฐานทางกระทรวงกลาโหม ให้ส่งภายใน 30 วัน ตนก็ได้จัดส่งไปให้เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ก็ครบ 30 วันพอดี เป็นการรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ ไปให้ ไม่ใช้ความรู้สึกนึกคิดแต่อย่างใด แล้วก็ส่งไปทางผู้ตรวจการแผ่นดินตามเวลาที่กำหนดไว้

 เมื่อถามว่าเอกสารดังกล่าวถือว่านายอภิสิทธิ์ หนีทหารใช่หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เอกสารก็บอกไว้ เอกสารค่อนข้างจะชัดเจนว่าเรื่องนี้มีการหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารในยุคที่ท่านเกณฑ์ทหาร แต่เรื่องมันก็นานมาแล้ว

 เมื่อถามว่าแสดงว่าเอกสารไม่ถูกต้อง นายอภิสิทธิ์หนีทหารโดยมีเจตนาใช้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เจตนาหรือไม่ต้องไปถามคุณอภิสิทธิ์ แต่เอกสารบอกมาอย่างนั้น  ถามต่อว่าเป็นการตราบาปนายอภิสิทธิ์ว่าเป็นผู้นำฝ่ายค้านที่หนีทหาร พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เรามีหน้าที่เพียงรวบรวมเอกสารส่งผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว เป็นหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินจะดำเนินการต่อไป

 เมื่อถามว่าผลทางด้านคดีจะมีอะไรหรือไม่เพราะคดีเกิน 20 ปีมาแล้ว พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ตนก็ให้กรมพระธรรมนูญไปดูว่าเป็นอย่างไร เพราะทางเรามั่นใจว่าเป็นอย่างนั้น และต้องมาดูว่าจะต้องทำกันอย่างไรต่อไป จะทำอะไรได้บ้าง แต่ถ้าไม่ทำเดียวก็โดนว่าอีก

 เมื่อถามว่าอาจถูกมองว่าเป็นการเช็กบิลทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ไม่ใช่อยู่ดีๆ แล้วทำขึ้นมา มันมีเหตุ ผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือมาให้ตนส่งเอกสารหลักฐานไปให้ ตนไม่ส่งไปก็ไม่ได้  ต้องส่งเอกสารตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่เป็นความคิดเห็นหรือความนึกคิด

 เมื่อถามว่าเหตุนี้จะนำไปสู่สภาพโมฆะของการเป็นทหารหรือการเป็นส.ส.หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า อันนี้เป็นเรื่องต่อไป เราต้องดูขอบเขตของกลาโหมว่าอยู่แค่ไหน หากเป็นเรื่องการเมืองก็ให้เป็นเรื่องของการเมืองไป เมื่อถามว่าการไปเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยฯ ถือว่าผ่านเกณฑ์แล้วหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า มันมี 2 ประเด่นใหญ่ๆ คือ 1.เมื่อถึงเวลาเกณฑ์ทหารไม่ได้ไป หรือมีการผ่อนผัน หลักฐานก็จะมีระบุบว่าผ่อนผันอย่างไร 2.หลักฐานจริงหรือไม่ เพราะการนำหลักฐานมาสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยฯ มีหลักฐานครบหรือไม่ หลักฐานนั้นจริงหรือเท็จ เท่านั้นเอง

 เมื่อถามว่ามีหลักฐานของกองทัพว่ามีการดัดแปลงเอกสาร หรือปลอมแปลงเอกสารจนมีการลงโทษทหารมีหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า มี ทางเราก็ส่งไปด้วย เป็นเอสารชัดเจน มีการรับรองสำเนาจากหน่วยที่ชัดเจน ไม่ใช่ว่าไปขุดจากไหนมา เป็นเรื่องจริง ต่อคำถามที่ว่าทหารที่เกี่ยวข้องมีการลงโทษไปแล้วหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เรื่องการลงโทษมันกว่า 10 ปีมาแล้ว ตนยังไม่ได้ถามผู้เกี่ยวข้องว่าถูกลงโทษหรือไม่ แต่มีในเอกสารว่ามีการสั่งการให้ใครเสนอแนะ แต่การลงโทษจะมีหรือเปล่านั้น ไม่แน่ใจ ต้องกลับไปดูก่อน เรามีแต่สำเนา ตัวจริงอยู่กับทางผบ.ทบ. สมัยนานแล้ว เรายังไม่สืบไปถึงขนาดนั้น

 เมื่อถามว่าในยุคที่ผ่านมามีการปกปิดเรื่องนี้ไว้ ทางกองทัพช่วยปิดด้วยหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ยุคตนหลักฐานรวบรวมจากข้อเท็จจริง ไม่ใช่เอกสารที่ปั้นแต่งมา เป็นเอกสารที่รวบรวมได้ที่มีอยู่ชัดเจน เราไม่ได้ปกปิดเอกสารไว้ มีเอกสารอะไรก็ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทุกอย่าง

 “เอกสารดังกล่าวนี้ไม่เหมาะสมที่จะให้ทางกลาโหมเป็นคนเปิดเผย ต้องไปขอทางผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วกัน แต่เขาคงจะให้ เพราะเป็น พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร” รมว.กลาโหม กล่าว

 เมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์ ยืนยันมาตลอดว่าไม่ได้หนีทหาร พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ก็มีสิทธิ์ที่จะยืนยัน อันนี้เป็นหลักฐานที่เรามีอยู่อย่างนั้น เรื่องนี้ก็เกิดมานานแล้ว จะถือว่าเป็นบทเรียนหรือไม่นั้น เรื่องนี้ก็ไม่น่าที่จะทำ แต่เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว สมัยก่อนคงมีบ้าง แต่สมัยนี้มีนโยบายชัดเจน หลักฐานบอกเลยว่าเป็นอย่างไร ทุกขั้นตอน

 วันเดียวกัน  ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีกระบวนการทางการเมือง เนื่องจากมีการปล่อยข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องมา 2-3 วัน รวมถึงทนายความของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ที่พยายามสร้างกระแสว่าวันนี้จะมีข่าวเด็ด แต่ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าใจ เพราะสุดท้ายแล้วพล.อ.อ.สุกำพลก็ไม่มีอะไรออกมาแถลง เพียงแค่ยืนยันหลักฐานเดิมตามปี 2542 ที่เคยมีการตรวจสอบมาก่อนหน้าแล้ว และท่าทีของพล.อ.อ.สุกำพลก็เหมือนไม่ค่อยอยากจะแถลง และโยนให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยอ้างว่าเอกสารทั้งหมดส่งไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว

 “ผมสังเกตว่าธรรมดาแล้ว พล.อ.อ.สุกำพลต้องนั่งแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ แต่วันนี้กลับไม่ยอมนั่งแถลงข่าว แต่ยืนแถลง แสดงให้เห็นว่าเหมือนมีคนมาบังคับให้แถลง ผมตั้งข้อสังเกตว่าทั้งหมดทำไปเพื่อช่วยนายจตุพร ในคดีที่ถูกนายอภิสิทธิ์ฟ้องหมิ่นประมาท เพราะมีการแถลงข่าวในช่วงที่กำลังมีการสืบพยาน และถ้าดูจากการสืบพยาน ฝ่ายนายจตุพรก็ดูจะเพลี่ยงพพล้ำ เนื่องจากจเรทหารออกมายอมรับว่าถ้านายอภิสิทธิ์ ได้ยื่นสด.9 คือใบขึ้นทะเบียนทหารและหลักฐานการผ่อนผันว่าไปเรียนต่างประเทศ ก็ถือว่าได้เข้ารับราชการถูกต้อง ตรงนี้เป็นเหตุให้พล.อ.อ สุกำพลต้องออกมาแถลงว่ามีการหนีทหาร” นายศิริโชค กล่าว พร้อมแสดงเอกสารหลักฐานใบสด. 9 และและทะเบียนบัญชีรายชื่อนักเรียนการที่ออกไปศึกษาต่อต่างประเทศ โดยมีรายชื่อนายอภิสิทธิ์ อยู่ในลำดับที่ 3 และหนังสือสด.41 ซึ่งเป็นเอกสารที่นายอภิสิทธิ์ เคยนำมาชี้แจงในสภาแล้ว

 นายศิริโชค กล่าวอีกว่า ทั้งหมดเกิดจากเหตุการณ์ที่มีการตั้งกรรมการสอบเมื่อปี 2542 หลักฐาน 2 อย่างที่ต้องยื่นให้กับทางฝ่ายทหาร เพื่อที่จะสมัครเข้ารับราชการ และหนังสือสด.9 สด.41 มีเลขที่ถูกต้อง หมายความว่าเมื่อเอาหนังสือดังกล่าวเข้าไปสมัครเป็นทหาร ก็สามารถสมัครเข้าเป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายร้อยจปร.ได้  หลักฐานต่างๆ มีครบถ้วนอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้พล.อ.อ.สุกำพลพยายามสร้างกระแสโดยไม่มีหลักฐานเพิ่มเติม และอยากตั้งข้อสังเกตว่ามาแถลงอะไรในตอนนี้ แต่เมื่อดูเหตุการณ์ที่มีการดำเนินคดีกับนายจตุพร ก็ชัดเจนว่าเป็นการช่วยเหลือกันเป็นขบวนการ และขอยืนยันว่านายอภิสิทธิ์ พร้อมจะพิสูจน์ในเรื่องนี้ มิเช่นนั้นคงไม่ฟ้องหมิ่นประมาทนายจตุพร

 เมื่อถามว่าจะฟ้องรมว.กลาโหมด้วยหรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า ได้หารือกัน และกำลังดูถ้อยคำที่พล.อ.อ.สุกำพลแถลงว่าเข้าข่ายดำเนินการหรือไม่ เชื่อว่าฝ่ายกฎหมายจะดำเนินการ เพียงแต่ขณะนี้วิธีการให้สัมภาษณ์ยังเหมือนกับการตั้งข้อสงสัย โยนให้ผู้ตรวจการฯ ซึ่งตนคิดว่าทางทนายความจะไปขอเทปบันทึกคำให้สัมภาษณ์ของพล.อ.อ.สุกำพลมาดูว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เมื่อถามว่าหากพบว่ามีการพาดพิง นายอภิสิทธิ์จะฟ้องร้องด้วยตัวเองหรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า คงฟ้องด้วยตัวเอง เพราะเป็นผู้ได้รับความเสียหาย

 ต่อข้อถามว่ามีการระบุว่าสด. 9 เป็นเอกสารปลอม นายศิริโชคกล่าวว่า เรื่องสด.9 เป็นเอกสารที่ผู้ชายไทยทุกคนเมื่ออายุครบ 17 ปี ก็ต้องได้รับอยู่แล้ว ส่วนจะหายหรือไม่หายไม่เป็นผล เพียงแต่มีความพยายามสร้างกระแส  เพราะตอนที่นายอภิสิทธิ์ไปสมัครเป็นอาจารย์ก็ยื่นใบดังกล่าว แต่ตอนที่จะขอติดยศ ทางจปร.บอกหาใบสด.9 ไม่เจอ นายอภิสิทธิ์จึงไปขอสด.9 ฉบับใหม่ที่เขตพระโขนง แทนมา ก็แค่นั้น ไม่ได้มีนัยยะอะไรที่สำคัญ

กห.แจงใบสมัครทหารของมาร์ค

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม มีหนังสือที่ 0201/1099 กระทรวงกลาโหม ลงวันที่ 10 ก.ค. 2555 ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ผผ 11/459 ลงวันที่ 11 มิ.ย. 2555 สอบถามกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกร้องใช้เอกสารหลักฐานปลอม เพื่อเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

 โดยระบุว่า กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ.2521 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติตามที่ระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ.2529 กำหนด ในกรณีที่ผู้สมัครเข้ารับราชการเป็นชาย ระเบียบกระทรวงกลาโหมกำหนดให้ต้องมีใบสำคัญทางทหารด้วย เช่น ทะเบียนกองประจำการ (สด.3) ใบสำคัญ (แบบ สด.9) หนังสือสำคัญ (แบบ สด.8) ใบรับรองผล การตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้ารับราชการทหารกองประจำการ พ.ศ. ...(แบบ สด.43) หรือใบสำคัญ/หนังสือสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้วแต่กรณี ซึ่งส่วนราชการต้นสังกัดที่ขอบรรจุได้ตรวจสอบความถูกต้องขั้นต้น และเห็นว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 แล้ว รมว.กลาโหมผู้มีอำนาจในการบรรจุย่อมสามารถออกคำสั่งให้บรรจุบุคคลเข้ารับราชการได้ตามที่ส่วนราชการต้นสังกัดรายงานขอบรรจุ


เผยปี"42ตรวจพบว่าผิด-ปีนี้ก็พบซ้ำ

 ในกรณีของนายอภิสิทธิ์ซึ่งในขณะนั้น (วันที่ 7 ส.ค. 2530) กระทรวงกลาโหมเชื่อว่า การขอบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร นั้นส่วนราชการที่ขอบรรจุได้ตรวจสอบความถูกต้องตามระเบียบของกระทรวงกลาโหมแล้ว รมว.กลาโหมจึงได้ออกคำสั่งบรรจุและแต่งตั้ง ปรากฏว่าภายหลังมีผู้ร้องเรียนการบรจุไม่ถูกต้อง เนื่องจากใช้หลักฐานเอกสารที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ กองทัพบกโดยเจ้ากรมจเรทหารบกได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงตามอนุมัติผบ.ทบ. ท้ายหนังสือกรมการกำลังสำรองทหารบก ลับที่ กห 0426/654 ลงวันที่ 8 มี.ค. 2542 ซึ่งได้รายงานผลการสอบสวนถึง ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2542 ตามหนังสือกรมจเรทหารบกที่ กห 0423/277 ลงวันที่ 19 พ.ค. 2542 โดยได้เสนอให้ลงทัณฑ์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช 2476 ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดไปเรียบร้อยแล้ว รายละเอียดตามสำเนาเอกสารของจเรทหารบก ซึ่งมีการรับรองสำเนาถูกต้องแล้ว

 ในครั้งนี้ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า 1.1 ขั้นตอนการบรรจุมีหลักฐานใบสำคัญทางทหาร คือ หนังสือรับรองการผ่อนผันไม่เรียกเข้ากองประจำการในยามปกติ ตามหนังสือแผนกสัสดีกรุงเทพมหานคร ที่ กห 0481.62/5053 ลงวันที่ 31 ก.ค. 2530 ซึ่งเป็นหลักฐานที่ขัดต่อพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 เนื่องจากเป็นการรับรองว่า "นายอภิสิทธิ์ได้รับการผ่อนผัน ตามมาตรา 29(3) และเข้าบัญชีทหารกองเกินเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2525 ได้รับการผ่อนผันไม่เรียกเข้ากองประจำการในยามปกติ" ซึ่งตามความจริง นายอภิสิทธิ์จะต้องไม่ได้รับการผ่อนผัน เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้กำลังศึกษาหรือมีสิทธิขอผ่อนผันตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 29(3) ทั้งยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน จึงไม่มีรายชื่ออยู่ในระบบบุคคลในราชการทหาร ทำให้ไม่ต้องขอหรือไม่สามารถขอรับการผ่อนผันในการเข้ารับราชการทหารได้ หรือหากได้ขอรับการผ่อนผันกรณียังศึกษาอยู่ต่างประเทศโดยมีหนังสือรับรองจากสถานศึกษาต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตจะต้องได้รับการผ่อนผันตามมาตรา27(2)เป็นแบบ สด.41


แฉ"สด.9"สองใบข้อมูลไม่ตรงกัน

 อีกทั้งยังมีหลักฐานต้นขั้วแบบ สด.9 และเอกสารแบบ สด.1 ฉบับจริง ยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 แต่ใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย. 2531 ยังกำหนดข้อความผิดจากการเข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 เป็นเข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2531 ซึ่งเป็นการขัดแย้งกับข้อมูลฉบับเดิมที่ตรวจสอบพบเพิ่มเติม ดังนั้น ใบสำคัญ(แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายลงวันที่ 8 เมษายน 2531 ยังไม่อาจใช้เป็นหลักฐานใบสำคัญทางหทารที่ถูกต้องได้

 1.2 ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ เพื่อให้ได้มาซึ่งทะเบียนกองประจำการ (สด.3) หลังจากนายอภิสิทธิ์ได้รับการแต่งตั้งยศแล้ว เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2531 ได้นำใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย. 2531 ไปขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ หากนำใบสำคัญ (แบบ สด.9) ฉบับลงวันที่ 4 ก.ค. 2529 เป็นหลักฐานในการขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการจะสามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นบุคคลที่ไม่เข้ารับการตรวจเลือก (ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร) ในวันที่ 7 เม.ย. 2530 จึงทำให้การขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ (สด.3) โดยใช้เอกสารใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายไม่ถูกต้องไปด้วย


ชี้จุดเอกสารผิดข้อเท็จจริง

 2.รมว.กลาโหมได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้วตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 281/55 ลงวันที่ 25 มิ.ย.2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 295/55 ลงวันที่ 2 ก.ค. 2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง (เพิ่มเติม) โดยกรมเสมียนตราได้มีหนังสือสอบถามโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าขอให้ตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการผ่อนผันหรือได้รับการยกเว้นการเรียกเข้ารับราชการทหารกองประจำการของนายอภิสิทธิ์มีอยู่จริงหรือถูกต้องประการใด

 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าได้ส่งเอกสารสำคัญพร้อมกับรับรองสำเนาถูกต้อง คือ ใบสมัคร สัญญาค้ำประกัน สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัคร และบิดามารดา สำเนาแสดงผลการเรียน พร้อมคำแปล และผลการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคล(รปภ.1) แต่ไม่พบเอกสารหลักฐานใบสำคัญทางทหารฉบับจริง ซึ่งคณะกรรมการได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบข้อสังเกตเพิ่มเติมจากที่ตรวจพบก่อนหน้าโดยจเรทหารบก

 สำหรับการตรวจสอบเอกสารที่ถูกต้องสำหรับการผ่อนผัน หรือได้รับการยกเว้นการเรียกเข้ารับราชการทหารกองประจำการของนายอภิสิทธิ์คงมีรายละเอียดเช่นเดียวกับข้อ 1.1 และ 1.2 ซึ่งพบว่าเอกสารใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย. 2531 หนังสือแผนกสัสดีกรุงเทพ มหานคร ที่ กห 0481.62/5053 ลงวันที่ 31 ก.ค. 2530 และทะเบียนกองประจำการ(สด.3) มีสาระสำคัญไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง และไม่อาจใช้เป็นหลักฐานเอกสารการรับราชการทหารได้และยังปรากฏหลักฐานแบบ สด.16 ปี พ.ศ.2536 ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่เข้ารับการตรวจเลือก" และหลักฐานแบบ สด.27 ปี พ.ศ.2530 ระบุว่า นายอภิสิทธิ์เข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 ซึ่งเป็นเอกสารยืนยันความไม่ถูกต้องของเอกสารตามข้อ 1.1 และ 1.2 ดังกล่าวข้างต้นด้วย


พร้อมส่งจนท.ชี้แจงผู้ตรวจการฯ

 3.หากกระบวนการบรรจุคำสั่งบรรจุ หรือคำสั่งแต่งตั้ง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมที่เกี่ยวข้อง กระทรวงกลาโหมสามารถดำเนินการยกเลิก เพิกถอนคำสั่งบรรจุหรือคำสั่งแต่งตั้งได้โดยอำนาจของรมว.กลาโหม โดยจะต้องพิจารณามูลเหตุ และแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อดำเนินการตามกระบวนการตามระเบียบของทางราชการต่อไป สำหรับการเรียกเงินเดือนและสิทธิประโยชน์อื่นๆ คืน ถ้าจำเป็นหรือมีเหตุอันควรจะพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ

 สำหรับการดำเนินการตามข้อ 1 และข้อ 2 กระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้กรมพระธรรมนูญรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นการแสดงข้อมูลเท็จในการบรรจุเข้ารับราชการของนายอภิสิทธิ์จะดำเนินการต่อไปอย่างไรหากจะต้องเพิกถอนคำสั่งจะกระทำได้หรือไม่และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับไประหว่างรับราชการจะสามารถเรียกคืนได้หรือไม่ประการใดรวมทั้งพิจารณาดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปลอมเอกสารและนำเอกสารไปใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าว

 หากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือมีข้อสงสัยประการใดกระทรวงกลาโหมยินดีให้การสนับสนุนข้อมูลรวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป


ผู้ตรวจฯลั่นเร่งสอบอยู่

 นายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงคำร้องของนายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากรมว.กลาโหม เพิกเฉยไม่ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทุจริตใช้เอกสารหลักฐานปลอม เพื่อเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในร.ร.จปร. แต่ยังมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ทางทหารว่า หลังจากสำนักงานผู้ตรวจการฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ตรวจสอบเอกสารต่างๆ ทั้งหมด แต่ต้องใช้เวลามาก เพราะเรื่องเกิดมานานแล้ว เอกสารบางอย่างต้องใช้เวลาตรวจสอบนาน

 นายรักษเกชากล่าวอีกว่า จากนั้นสำนักงานส่งหนังสือสอบถามพล.อ.อ.สุกำพลไปแล้ว และได้หนังสือตอบกลับมาเมื่อไม่นานมานี้ ทางเจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังตรวจสอบว่าข้อมูลที่ตอบกลับมานั้นครบถ้วนเพียงพอหรือไม่ หากยังไม่เพียงพอจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการจะนำเข้าสู่ที่ประชุมของผู้ตรวจการฯ ต่อไป แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้เราเร่งดำเนินการ เพราะอยู่ในความสนใจของสังคม


บิ๊กโอ๋ระบุเอกสารไม่ตรงสด.9

 พล.อ.อ.สุกำพลให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการรับราชการทหารของนายอภิสิทธิ์ ว่า กระทรวงกลาโหมทำหนังสือชี้แจงต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยสรุปว่าเอกสารที่ใช้สมัครเข้าเป็นอาจารย์ในเอกสาร ใบสด.9 ซึ่งเป็นเอกสารทางราชการไม่ตรงกัน

 "กระทรวงจะให้นายทหารพระธรรมนูญของเราดูว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อได้บ้าง เรื่องมันนานมาแล้วคงไม่มีความผิดอะไรกันแล้ว เขาถามมาเราก็ต้องตอบไป" พล.อ.อ. สุกำพลกล่าว

ที่มา : ข่าวหน้า1นสพ.ข่าวสดฉบับวันที่ 19 ก.ค. 2555


ศิริโชครับความจริงบ้างเถอะ แถทุกเรื่องเลย

Related Articels

0 ความคิดเห็น

Leave a Reply


ดูแลโดย © กุ้งอินเตอร์ kunginternews | เยี่ยมชมเว็ปไซค์ กุ้งอินเตอร์นิวส์